ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยถูกดาวน์โหลด ไปติดตั้งแล้ว มากกว่า 27 ล้านครั้งแล้ว กับ Microsoft Office for iPad กำลังมาแรง แบบสุดๆ ใน App Store เลยทีเดียว ( ใน App Store ไทย ยังไม่มีนะครับ ยังไม่ต้องไปหาครับ มีแต่ใน App Store ต่างประเทศ ) ซึ่งคาดว่า ถ้าเอาเค้ามา ใน App Store ไทยแล้วล่ะก็ ยอดดาวน์โหลด มันจะต้องพุ่งขึ้นสูงกว่า 27 ล้านครั้ง ไปอีกไกลแน่นอน เพราะคนไทยเรา ชอบของฟรีอยู่แล้ว โดยยอดดาวน์โหลด ที่ว่าเกิน 27 ล้านครั้งนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น นับตั้งแต่วันแรก ที่ได้ทำการเปิดให้ดาวน์โหลด ไปติดตั้งใช้งานกัน รวดเร็วมากๆ ทำสถิติแอปที่มีคนดาวน์โหลดไปเยอะ ภายในเวลาอันรวดเร็ว ของ App Store เลยทีเดียว
ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ว่าคนทั้งโลก กว่า 90% นิยมใช้งาน Microsoft Office กันอยู่แล้ว และปัญหาหนึ่ง ที่มีตลอด ในการใช้งานมือถือ สมาร์ทโฟน จาก Android และ iPhone , iPad จาก Apple ก็คือ ไม่มีแอป ที่เป็นของ Microsoft แท้ๆ เพื่อมาเปิดไฟล์งาน Microsoft Office ซึ่งก็มีคนทำ Third-Party มาให้แล้วมากมาย หลายแอป แต่เมื่อเปิดดู สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ รูปแบบ format หรือหน้าตา เนื้องานในเอกสารนั้น เปลี่ยนไป ดังนั้น ทาง Microsoft จึงใจดี เอาแอพ Microsoft Office for iPad มาแจกให้ผู้ใช้ เอาไปใช้งานกัน
แต่อย่าเพิ่งคิดว่า เป็นตัวฟรี แล้วจะทำงานได้หมดนะครับ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า ทาง Microsoft นั้น หวังจะทำกำไรจากเรื่องของ ลิขสิทธิ์ software อยู่แล้ว ดังนั้น Microsoft Office for iPad ตัวฟรี ที่โหลดมาติดตั้งกันนั้น สามารถใช้เปิดเอกสาร Office ได้อย่างเดียวเท่านั้น เปิดดูได้ แต่ไม่สามารถแก้ไข เนื้องานในเอกสารได้ ถ้าต้องการ Full Version ที่แก้ไขเอกสารได้ ต้องซื้อ Office 365 หรือต้องมี Office 365 อยู่ ถึงจะใช้งานแบบเวอร์ชั่นเต็มๆ ได้ โดยในการแก้ไขเอกสาร ผู้ใช้งาน จะต้องทำการ Sign in ด้วย Microsoft Account ที่ได้ทำการซื้อ หรือลงทะเบียนจาก License ของ Microsoft Office 365 ซึ่งเป็นการซื้อแบบรายปี ซึ่งในเมืองไทย มีราคารายปี อยู่ที่ 2,199 บาท
แต่ถ้าคุณ ต้องการแค่ เปิดเอกสาร Microsoft Office ที่แนบมากับอีเมล ว่ามีเนื้อหาว่าอย่างไร แค่อ่านหรือตรวจสอบเท่านั้น Microsoft Office for iPad ตัวนี้ ถือเป็นคำตอบสำหรับคุณ ( ที่มี iPad ) เอาไว้ในครอบครองเลยครับ แต่อย่าเพิ่งใจร้อน ไปขวนขวายหามาติดตั้งให้ได้ ใจเย็นๆ ครับ เพราะสาเหตุ ที่มันยังไม่เข้ามาใน App Store เมืองไทย ก็เนื่องมาจากว่า ตัวโปรแกรมเอง ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการตัดต่อ แสดงภาษาไทยอยู่นั่นเอง อดใจรอดนิดนึง ไม่นานก็มาครับ
