การเลือกพลังแฝง ในเกม ROV บ่งบอกถึงแนวทางการเล่นและแผนการเล่นของทีมได้เลย

ทุกวันนี้ ผู้เล่นส่วนใหญ่ในเกม ROV มักจะเข้าใจว่า พลังแฝง มันก็เป็นเพียงแค่ การเสริมความเก่งให้กับฮีโร่เท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรสักเท่าไหร่ ดังนั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงไม่ได้สนใจที่จะศึกษา หรือทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังแฝงของฮีโร่แต่ละตัว และไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของพลังแฝงนี้สักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ถ้าเรามีความเข้าใจเรื่องของ พลังแฝงเป็นอย่างดี เราก็จะอ่านแนวทางการเล่นของฝั่งตรงข้าม จากพลังแฝงที่ฮีโร่ฝั่งตรงข้ามหยิบนำมาใช้ได้ด้วย เพราะอันที่จริงแล้ว รูปแบบหรือ การเลือกพลังแฝง ในเกม ROV มันสามารถกำหนดแนวทางการเล่นของฮีโร่ตัวนั้นๆ และเปิดเผยแผนของทีมฝั่งตรงข้าม ให้เราเข้าใจได้ด้วย

การเลือกพลังแฝง ในเกม ROV มันมีผลกับแนวทางการเล่นอย่างไร?

การที่เราเข้าใจเกี่ยวกับพลังแฝงทุกแบบในเกม ROV นอกจากจะทำให้เรานำไปใช้กับฮีโร่แต่ละตัวได้อย่างเหมาะสมแล้ว เรายังสามารถที่จะอ่านแผนการเล่นของฮีโร่ฝั่งตรงข้าม ที่จะยืนเลนสู้กับเรา หรือ แผนการเล่นของทีมฝั่งตรงข้ามได้ จากพลังแฝงต่างๆ ที่เค้าเลือกใช้มาได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ในช่วงที่รอโหลดเข้าเกมนั่นเองครับ ว่า ฮีโร่ฝั่งตรงข้ามแต่ละตัว หยิบพลังแฝงสายหลักมาเป็นอะไรกันบ้าง

ในการเล่นของผู้เล่นที่เล่นเป็นงาน หรือ ในแร็งค์ระดับสูงๆ พลังแฝงจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเล่นของฮีโร่แต่ละตัว และบอกได้ถึงแผนการเล่น หรือ แนวทางการเล่นของทีมนั้นๆ ด้วย ซึ่งตรงนี้ ขึ้นอยู่กับว่า คุณเองมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของพลังแฝงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมเองได้อธิบายไปเยอะแยะมากมายแล้ว ในบทความเกี่ยวกับ พลังแฝงของฮีโร่แต่ละตัว ซึ่งทุกท่านสามารถไปศึกษาอ่านได้ ย้อนๆ ดูในเว็บไซต์นี่แหละครับ หรือจะพิมพ์ด้วยชื่อฮีโร่ในช่องค้นหาด้านบนก็ได้ครับ มันจะขึ้นมาให้ ว่าควรใช้พลังแฝงอะไรดี และเพราะอะไร ซึ่งตรง “เพราะอะไร” นี่แหละครับ สำคัญมาก เนื่องจากถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ เราก็จะอ่านแนวทางการเล่นของฮีโร่ฝั่งตรงข้ามได้ จากพลังแฝงที่เค้าเลือกได้ง่ายมากๆ ด้วยเช่นกัน

เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ผมจะอธิบายแบบยกตัวอย่างประกอบเลยดีกว่า ด้วยการแนะนำว่า ฮีโร่ตัวเดียวกัน แต่ใส่พลังแฝงต่างกัน มันกำหนดทิศทาง หรือแนวทางการเล่นได้อย่างไร ซึ่งเมื่อคุณอ่านจบ ก็จะเข้าใจ และเวลาที่ไปดูนักแข่งในโปรลีกเข้าเล่นกัน ก็จะได้เข้าใจมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องฟังการพากษ์บอกเลย สามารถปิดเสียง แล้วอ่านเกมออก หรือ ดูทิศทางแนวโน้มของเกมได้ ด้วยวิจารณญาณของตัวเอง อีกทั้งเมื่อเวลาไปเล่นเองจริงๆ ก็จะอ่านแนวทางการเล่นของฮีโร่ฝั่งตรงข้าม และแผนการเล่นของฝั่งตรงข้ามออกได้ง่ายๆ

ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดเลย ก็เช่น Ormarr ที่สามารถใช้พลังแฝงสายหลักได้ถึง 3 แบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบจะเป็นตัวกำหนดแนวทางการเล่นอีกด้วย ได้แก่

1. Nature’s Rage

Nature's Rage
Nature’s Rage

การที่เราจะหยิบ พลังแฝงอย่าง Nature’s Rage มาใส่ให้กับ Ormarr นั้น จะไม่ใช่เพราะว่า ทุกสกิลของ Ormarr มันสตั้นศัตรูได้ แต่ต้องเลือกมาใช้ เพราะในทีมของเรา มีเมจที่ทำดาเมจเวทได้รุนแรงตั้งแต่ต้นเกม และถ้าจะให้ดี ถ้ามีเมจเป็นตัวฟาร์มป่าด้วย ก็จะยิ่งดีใหญ่

เพื่อความเข้าใจง่าย ก็เช่น ถ้าในทีมมี Krixi อยู่เลนกลาง และมี D’Arcy ฟาร์มป่า แบบนี้ก็จะเป็นการสร้างดาเมจเวทที่รุนแรง ต่อคอมโบกับสกิลของ Nature’s Rage ได้แบบเต็มๆ แต่ถ้าไม่ใช่ D’Acry ป่า ก็ไม่เป็นไรนะครับ ขอแค่ มีเมจแรงๆ และเดินคู่กับ Ormarr คอยทำคอมโบสกิลร่วมกันก็พอ

เพราะสกิลของ Nature’s Rage ก็คือ เมื่อมันทำงาน มันจะลดเกราะเวทของศัตรูที่โดนเผาลง แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า มันจะทำงานแค่แป็บเดียว นั่นแปลว่า จังหวะแรกที่ Ormarr เข้าไปโจมตีใส่ศัตรูด้วยการสตั้น เมจต้องรีบตามเข้าไปคอมโบสกิลใส่ทันที จะทำให้ศัตรูได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงมากๆ จากการคอมโบร่วมกันระหว่าง Ormarr และ เมจที่เดินไปคู่กันนะครับ ซึ่งเวลามันแค่แป็บเดียว ดังนั้น ผมถึงแนะนำว่า ควรจะเดินร่วมกันกับเมจ จะส่งผลดีมากที่สุด

นั่นแปลว่า ถ้าเราเห็นฝั่งตรงข้าม หยิบ Ormarr มาเล่น และใส่พลังแฝงเป็น Nature’s Rage แต่ในทีมไม่มีเมจตัวแรงๆ แถมไม่ได้เดินด้วยกัน แบบนี้เราก็เล่นสบาย และไม่ต้องกลัวเลยครับ เพราะพลังแฝง Nature’s Rage จะไม่น่ากลัวอะไร แต่ถ้าเราเห็นว่าเค้าจัดมาตามสูตรอย่างที่ผมแนะนำ และจับ Ormarr มาเดินคู่กับเมจ แบบนี้ต้องระวัง และรีบออกไอเท็มกันเวท เพื่อแก้ทางเลยนะครับ ไม่อย่างนั้น เจ็บหนักแน่นอนครับ

2. Curse of Death

Curse of Death
Curse of Death

การที่ Ormarr หยิบพลังแฝงแบบนี้มาใช้ แสดงว่า เค้าจะเน้นการเดินโรมมิ่งด้วยตัวคนเดียว และคอมโบใส่ศัตรูด้วยตัวเองเป็นหลัก ที่สำคัญ จะทำดาเมจได้รุนแรงมากๆ ในช่วงต้นเกม ซึ่งตรงนี้ เราก็ต้องระวัง และรีบออกไอเท็มแก้ทาง เช่น ไอเท็มกันเวท เอาไว้ตั้งแต่ต้นเกมเลยครับ

การเดินเกมของ Ormarr ที่ใส่พลังแฝง Curse of Death จะเน้นเข้าเร็วออกเร็ว และเน้นการซุ่มโจมตีเป็นหลัก คือ แอบในพุ่มไม้ แล้วออกมาทุบให้ครบคอมโบสกิล จนพลังแฝงทำงาน แล้วก็ถอยออกไป เน้นการสร้างดาเมจที่รุนแรง ควบคู่กับ CC ซึ่งตรงนี้ ถ้ามีเพื่อนร่วมทีม มาร่วมคอมโบสกิลใส่ด้วย จะฆ่าศัตรูให้ตายได้ง่ายๆ ทันที เพราะดาเมจมันจะรุนแรงมากๆ นั่นเองครับ

Ormarr ที่ใส่พลังแฝง Curse of Death จะทำดาเมจได้รุนแรงมาก
Ormarr ที่ใส่พลังแฝง Curse of Death จะทำดาเมจได้รุนแรงมากๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยทีเดียว

3. Sacred Protection

Sacred Protection
Sacred Protection

สำหรับ Ormarr ที่ใส่พลังแฝงอย่าง Sacred Protection มานั้น จะไม่ได้เน้นการทำดาเมจที่รุนแรงอะไร แต่จะเน้นสายแท็งค์ เพื่อชน หรือ ยืนค้ำ และรับดาเมจให้เพื่อนเป็นหลัก ใช้ในกรณีที่ฝั่งตรงข้าม มีพวกฮีโร่ประเภทยิงแรงหรือ โจมตีได้รุนแรงแบบ Burst Damage เยอะๆ จะช่วยให้ Ormarr อึดขึ้น และรับดาเมจได้มากขึ้น

สำหรับ Ormarr สายนี้ ดาเมจจะไม่รุนแรง แต่จะใช้อัลติได้บ่อย และมีความอึดมากๆ ทำให้ตัวมันเอง สามารถยืนค้ำให้เพื่อน และสร้าง CC สตั้นศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายเท่ากับแท็งค์ธรรมชาติอย่าง Thane หรือ Baldum หรอกนะครับ ซึ่งก็ต้องมีไอเท็มด้วย ถึงจะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น ในช่วงต้นเกม ยังสามารถรุมฆ่า และเอา Ormarr ลงได้ไม่ยากครับ แต่ถ้าปล่อยให้มันมีไอเท็ม 3 – 4 ชิ้น มันจะเริ่มแข็งแกร่งมาก และมี Sustain สูง จนเริ่มเอามันไม่ลงแล้วครับ

เห็นมั้ยครับว่า นี่เป็นเพียงแค่ ตัวอย่างเดียวของ การเลือกพลังแฝง ในเกม ROV ซึ่งถ้าหากเรารู้ และเข้าใจ เราก็จะสามารถอ่านแนวทางการเล่นของฮีโร่ฝั่งตรงข้ามออก และอ่านแผนการเล่นของทีมฝั่งตรงข้ามได้ ว่ามีแนวทางการเล่น หรือ แผนการเล่นอย่างไร อย่างถ้าเราเห็นฝั่งตรงข้ามหยิบ Ormarr มา แล้วหยิบพลังแฝง ตามที่ผมได้ยกตัวอย่างมา เราก็จะรู้เลยว่า ควรปรับตัว และปรับแนวทางการเล่นอย่างไร เช่น ถ้าเราเห็นว่า Ormarr เค้าหยิบ Nature’s Rage มา และเดินคู่กับ เมจ ในเลนกลางเป็นหลัก เราก็ต้องไปเน้นการดันที่เลนข้างให้มากขึ้น โดยเฉพาะเลนแครี่ เพื่อดึงให้ Ormarr ต้องมาช่วยแครี่ในเลนข้าง ซึ่งถ้าเมจตามมาด้วย เราก็ไปดันเลนกลางได้อีก แต่ถ้าเมจไม่ตาม Ormarr ก็เท่ากับว่า เราแยก Ormarr กับเมจออกจากกันได้แล้ว ก็เป็นการลดประโยชน์ที่เมจควรจะได้รับจาก พลังแฝง Nature’s Rage ไป ทำให้มันไร้ประโยชน์ เพราะเมจไม่ได้มาคอมโบสกิลกับ Ormarr นั่นเองครับ

หลักการนี้ สามารถเอาไปใช้อ่านเกม หรือ อ่านแผนการเล่นของฮีโร่ฝั่งตรงข้ามได้ทุกตัว รวมทั้งเอาไว้อ่านแนวทางการเล่นของเพื่อนร่วมทีมเราด้วยนะครับ เช่น ถ้าเราเล่นเมจ และเห็นโรมมิ่งในทีมเราหยิบ Nature’s Rage มา เราก็ต้องเตรียมสกิลเอาไว้คอมโบทันที ที่โรมมิ่งทีมเรา ใช้สกิลประเภทควบคุมสถานะหรือ CC เพราะเมื่อโรมมิ่งใช้สกิลพวกนั้น พลังแฝง Nature’s Rage จะทำงาน และลดเกราะเวทของศัตรูลง เมจอย่างเรา ก็ต้องรีบโถมสกิลเข้าใส่ เพื่อทำให้ศัตรูบาดเจ็บหนักโดยเร็วที่สุดนั่นเองครับ ก่อนที่ระยะเวลาการทำงานของพลังแฝงมันจะหมดลง

เห็นมั้ยล่ะว่า เรื่องแค่นี้ เล็กๆ น้อยๆ แต่มีประโยชน์มากๆ เลยนะครับ เอาไปใช้ได้กับทุกๆ อย่างในเกม ROV เลยทีเดียว ทั้งอ่านแนวทางการเล่นของ ศัตรู, เพื่อนร่วมทีม และเอาไว้ดูการแข่งขันก็ได้อีกด้วย

ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มต่างๆ ในเกม ROV ได้ง่ายๆ ภายในเว็บนี้ ด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา ที่ปุ่มแว่นขยายมุมขวาบน ใส่ชื่อ ฮีโร่ หรือ ไอเท็ม เป็นภาษาอังกฤษเหมือนในเกม ROV ได้เลย แล้วมันจะแสดงผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มนั้นๆ ที่คุณต้องการรู้ออกมาเองครับ

อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ แสดงความเห็น และดูคลิปแนวทางการเล่นอีโร่ ROV ทุกตัว ได้ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand Return กันได้นะครับ ในเพจ ROV Thailand Return จะมีบทความดีๆ สาระน่ารู้ รวมทั้งเคล็ดลับการเล่นเกม ROV พร้อมทั้งคลิปแนวทางการเล่น และจังหวะการเล่นของฮีโร่แต่ละตัว เอามาลงให้ศึกษากันด้วย แล้วพบกันที่เพจ ROV Thailand Return นะครับ

เรื่องก่อนหน้านี้รีวิว Celica ROV สกิล รูน ไอเท็ม พลังแฝง แนวทางการเล่น เข้าใจก่อน ก็เก่งก่อน
เรื่องถัดไปวิเคราะห์ไอเท็ม D’Arcy ROV ฟาร์มป่า ยังใช้ Apocalypse ได้อยู่หรือไม่ หลังโดนเนิฟไปแล้ว