หนึ่งในทริคการเล่นเกม RoV ขั้นสูงที่เรามักจะได้เห็นนักแข่ง RoV ในทุกๆ ระดับการแข่งขันหยิบไปใช้เล่นกันเสมอ แต่เรามักจะไม่รู้ว่า นั่นคือ ทริคการเล่น ก็คือ “การ Cut” หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มีประโยชน์ต่อทีม หรือ ช่วยให้ทีมเราได้เปรียบอย่างไร ในบทความนี้ ผมก็เลยจะมาอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจว่า การ Cut คืออะไร ในเกม RoV มีประโยชน์ต่อทีมอย่างไร และควรจะใช้ทริคนี้กับจังหวะแบบไหน
การ Cut คืออะไร ในเกม RoV และทำไปเพื่ออะไร?
การ Cut ถ้าจะให้แปลตรงตัวเลยก็คือ “การตัด” นั่นแหละครับ ถามว่า ตัดอะไร? ถ้าจะให้อธิบายแบบสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ การ “ตัด” การช่วยเหลือของเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นแปละครับ ซึ่งการ “ตัด” ในที่นี้ จะหมายถึง การ “ตัด” ไม่ให้ฮีโร่ฝั่งตรงข้ามวิ่งมาช่วยเพื่อนตัวเองที่กำลังโดนล้อมอยู่ได้ หรือ จะ “ตัด” เพื่อไม่ให้ศัตรูเข้าไปป้องกันป้อมที่ครีปฝั่งเรากำลังเดินเข้าไปและมีเพื่อนเราที่กำลังจะเข้าไปตีป้อมอยู่ ก็ได้เช่นเดียวกัน พูดง่ายๆ ก็คือ การตัดเส้นทางการเดินของฮีโร่ฝั่งตรงข้าม ไม่ให้เดินไปยังจุดที่ต้องการได้นั่นเองครับ
ทำไมต้องใช้การ Cut หรือ ตัดการช่วยเหลือของฮีโร่ฝั่งตรงข้ามที่กำลังจะไปช่วยเพื่อน?
การเล่นเกม RoV นั้น มันคือการเล่นเป็นทีม 5 คน สำหรับการเล่นแบบ Solo Rank หรือ กดไปตัวคนเดียว การ “ตัด” อาจจะไม่ได้พบเห็นกันบ่อยสักเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างเดินไปในที่ที่ตัวเองอยากจะไป ไม่ค่อยห่วง ไม่ค่อยอยากจะมาช่วยอะไรกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นการเล่นแบบกดเป็นทีม 5 คน ทริคการ Cut หรือ การตัดเส้นทางการเดินของฮีโร่ฝั่งตรงข้าม คือ หัวใจสำคัญที่จะทำให้ “ฆ่า” ฮีโร่ฝั่งตรงข้ามได้ฟรีๆ โดยที่ฝั่งเราไม่สูญเสียอะไรเลย หรือ ได้ทั้งป้อม ได้ทั้งคน ได้กำไรแบบสุดๆ ความได้เปรียบเหล่านี้ จะมาจากการใช้ทริคการ Cut เส้นทางการเดินนี่แหละครับ
การ Cut จะทำเพื่อการันตีว่า ทีมเราจะฆ่าฮีโร่ศัตรูตัวนั้นได้แบบชัวร์ๆ เหมือนเป็นการล้อมกรอบฮีโร่ฝั่งตรงข้ามที่กำลังจะตกเป็น “เหยื่อ” ของฝ่ายเรา และ ให้เพื่อนไปโซนหรือบล็อคไม่ให้ฮีโร่ฝั่งตรงข้ามเดินเข้ามาช่วยเพื่อนร่วมที่ที่เป็น “เหยื่อ” ของเราได้ ทำไมต้องอยากรุมฆ่าฮีโร่ตัวใดตัวหนึ่งขนาดนั้น ต้องทุ่มกำลังคนไปมากมายเพื่อ Cut พื้นที่และรุมฆ่าฮีโร่ตัวเดียวเนี่ยนะ?
ใช่ครับ การฆ่าฮีโร่ตัวนึงมีความหมายเป็นอย่างมาก ในการเล่นเป็นทีม 5 คน การฆ่าฮีโร่ฝั่งตรงข้ามได้ตัวนึง แบบรุมฆ่า จะทำให้ฮีโ่ร่ฝั่งตรงข้ามตัวนั้น “ตายฟรี” โดยที่ฮีโร่ฝ่ายเราไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย นั่นทำให้ฮีโร่ของฝ่ายเรามีจำนวนคนที่มากกว่าเป็น 4-5 ทันที ทำให้เราสามารถเดินเกมด้วยความได้เปรียบในเรื่องจำนวนคนทันที เพราะถ้าเข้าไฟต์กันตรงๆ ยังไงฝั่งเราก็ชนะแน่นอน เพราะมีจำนวนคนที่มากกว่า จะขึ้นบ้านตีป้อมฝั่งตรงข้ามก็ได้ หรือจะไปเอา Objective สำคัญๆ ก่อนก็ได้ ปลอดภัยแน่นอน เพราะเรามีจำนวนคนที่มากกว่า ยิ่งถ้ารุมฆ่าศัตรูได้ด้วย และได้ป้อมมาด้วย จะยิ่งเป็นอะไรที่ได้กำไรแบบสุดๆ เลยทีเดียว
จังหวะที่เหมาะสมกับการใช้ทริคการ Cut ก็คือ
1. จังหวะที่ทีมเรามีจำนวนคนที่มากกว่า และกำลังจะไดร์ฟป้อมในเลนข้าง (ข้างใดข้างหนึ่ง) ตามรูปด้านล่างนี้เลยครับ
จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ทีมเรากำลังล้อมกรอบฮีโร่ฝั่งตรงข้ามที่อยู่ในป้อมชั้นนอกของเลนบน ที่อยู่เพียงคนเดียว โดยให้เพื่อนร่วมทีมเราอีก 2 คน เข้าไปยึดพื้นที่ในป่าฝั่งตรงข้าม (ฝั่งบัพแดง) เพื่อบล็อคพื้นที่ไม่ให้ศัตรูวิ่งมาช่วยเพื่อนของตัวเองได้ โดยป้องกันทั้ง 2 ทิศทาง คือ จากในป่า และ จากเลนกลาง โดยจะมี “ตัวเติม” อีกหนึ่งตัว คอยช่วยเข้าไปเติมทำให้ได้เปรียบในเรื่องจำนวน หากฝั่งตรงข้ามฝืนจะมาช่วยเพื่อน ก็จะบาดเจ็บ หรือโดนฆ่าตายในป่าฝั่งบัพแดงทันที เพราะมีจำนวนคนที่น้อยกว่าฝ่ายเรานั่นเองครับ
แต่ถ้าฝั่งตรงข้ามตัดสินใจไม่เข้าไปช่วยเพื่อน เราก็จะล้อมกรอบ และเข้าไปรุมไดร์ฟฆ่าศัตรูถึงในป้อม และถ้ามีครีปเราเดินเข้ามาในป้อมด้วย ก็จะทำให้เราได้ป้อมฟรีอีก เรียกได้ว่า คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม เส้นสีเหลืองๆ ที่เห็นในภาพ ก็คือ เส้นที่เราวางเอาไว้ว่า ต้องบล็อคเส้นทางการเดินของฮีโร่ฝั่งตรงข้ามเอาไว้ตามแนวนี้ อย่าให้มันมีโอกาสได้ข้ามมา หรือ เข้ามาช่วยเพื่อนได้เด็ดขาด
หัวใจสำคัญของการจะ Cut เส้นทางได้แบบนี้ก็คือ “ต้องได้เดินก่อน” ใช่ครับ ทีมเราต้องได้เดินก่อน และเข้าไปยึดพื้นที่ตรงนั้นได้ก่อน ทำให้ฝั่งตรงข้ามไม่สามารถเดินเข้ามาในพื้นที่ได้ เกม RoV มันคือ เกมของการยึดพื้นที่ครับ ทีมไหนที่ยึดพื้นที่ได้ก่อน วางกำลังคนดักซุ่มโจมตีได้ก่อน ก็จะมีความได้เปรียบทันทีครับ พวกที่เดินทีหลัง หรือ เดินช้า ก็จะตกเป็นเหยื่อทันที
2. จังหวะที่ศัตรู “แหลม” หรือ เข้ามาในเขตพื้นที่ของฝ่ายเรามากเกินไป เช่น เข้ามาในป่าเรา หรือ ดันป้อมในเลนใดเลนหนึ่งเข้ามาลึกเกินไป
ตรงนี้ก็มักจะเป็นเหตุการณ์ในช่วงกลางเกมไปแล้วที่ ออฟเลน หรือ ป่า ฝั่งตรงข้าม มักจะมาแยกดันจนลึกมากเกินไป คือ ไม่อ่านแมพ และประมาท คิดว่าฝั่งเราทิ้งป้อม ตรงนี้ก็เหมือนกับการล้อมจับ แต่ถ้าเราวิ่งไล่ล้อมจับโดยเล็งไปที่ตัวแยกดันที่แหลมเข้ามาลึกเกินไป ฝั่งเราเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะโดนฝั่งตรงข้ามมาซ้อน วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ใช้คนเข้าไปรุมฆ่าแค่ 2 คนก็พอ ที่เหลือก็ให้ Cut เส้นทาง ไม่ให้ฝั่งตรงข้ามมาช่วยได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
พอฝั่งตรงข้ามเห็นว่า เพื่อนตัวเองที่แยกดัน โดนรุมฆ่าตายไปแล้ว และยังเห็นฮีโร่ฝั่งเราไม่ครบทุกตัวในแผนที่ (เห็นแค่ 2 คน ที่รุมฆ่าเพื่อนเค้าตาย) ก็จะถอยทันที เพราะไม่รู้ว่า อีก 3 คน อยู่ตรงไหนในแผนที่ หรือ ถ้าบังเอิญเดินเข้ามาในระยะ และผ่านจุดที่เราดักซุ่มเพื่อ Cut พื้นที่อยู่ ก็จะอาจจะโดนเรากระหน่ำสกิลทำให้บาดเจ็บ หรือ รุมฆ่าตายทันที ใช่ครับ แม้ว่าฝ่ายเราจะมีจำนวนคนที่น้อยกว่า แต่การได้เปิดไฟต์ก่อน เปิดฉากโจมตีก่อน ด้วยสกิลที่รุนแรง และศัตรูไม่ทันตั้งตัว ก็ทำให้สามารถฆ่าศัตรูได้ฟรีๆ เช่นกัน และเรายังมีเพื่อนอีก 2 คนที่แยกไปฆ่าตัวแยกดันมาแล้ว กำลังมาเติมอยู่อีก นั่นแปลว่า เราจะมีกำลังคนที่พร้อมบวกและเยอะกว่าฝั่งตรงข้ามที่จะเข้ามาเติมอีกนะครับ
การ Cut เส้นทางการเข้ามาเติม หรือ เข้ามาซ้อนของฮีโร่ฝั่งตรงข้ามนั้น จะทำแบบดักซุ่มโจมตี เน้นการโผล่ออกมาเล่นงานให้ศัตรูบาดเจ็บ หรือ ดักฆ่าเลยก็ได้ หรือ จะใช้การวิ่งไปมา โผล่ตัวให้ศัตรูเห็นเลยว่า เฮ้ย..ตรงนี้มีพวกเรายึดพื้นที่อยู่แล้วนะ ก็ทำได้เช่นกัน อยู่ที่ว่า เราต้องการจะทำแบบไหน และแบบไหนเหมาะสมกว่า บางคนอาจจะให้ซัพพอร์ตออกไปโชว์ตัวคนเดียว และมีตัวทำดาเมจแอบดักในพุ่มหญ้า ถ้าศัตรูยังใจกล้าบุกเข้ามาจ่ายสกิลใส่ตัวซัพพอร์ต ก็จะได้เจอการจู่โจมจากตัวทำดาเมจที่แอบพุ่มอยู่ แต่ถ้าฝั่งตรงข้ามแค่เห็นซัพพอร์ต ก็ถอยหนี และไม่กล้าบุกเข้ามาแล้ว แบบนี้ก็ถือว่า การ Cut ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
ขอแค่ศัตรูไม่สามารถเดินไปเติม หรือ ไปรับเพื่อนของตัวเองได้ ไม่สามารถไปรวมกำลังกัน หรือ ไปป้องกันป้อม หรือ ไปเอา Objective ได้ แค่นี้ก็ถือว่า การ Cut ทำได้สำเร็จแล้ว
อันที่จริงแล้ว การ Cut นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้แค่ 2 กรณี ตามที่ผมได้ยกตัวอย่างมาเท่านั้นนะครับ จริงๆ แล้ว การ Cut สามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆ สถานการณ์ เพราะอย่างที่บอก หลักการของมันก็คือ การแบ่งแยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกันได้ ดังนั้น เราสามารถใช้การ Cut ได้ แม้แต่จังหวะที่เข้าไฟต์ คือ การโถมเพื่อเล่นงานให้แครี่ต้องถอยหนี ทิ้งให้พวกของตัวเองที่อยู่แนวหน้า ขาดการยิงสนับสนุนจากแนวหลัง แบบนี้ก็คือ การ Cut เช่นกัน มันอยู่ที่ว่า เราจะเอามาใช้ในจังหวะไหนก็แค่นั้นเอง
ทีนี้ทุกคนก็พอที่จะเข้าใจแล้วนะครับว่า การ Cut คืออะไร ในเกม RoV และคงจะสามารถนำไปปรับใช้กับการเล่นของตัวเองกันได้อย่างแน่นอน บางคนอาจจะบอกว่า การ Cut มันก็คล้ายๆ กับ “การโซน” หรือเปล่า? ใช่ครับ เข้าใจถูกต้องแล้วครับ แต่การ Cut มีความหมายที่กว้างกว่า เพราะการโซน มันต้องเปิดเผยตัวเองให้ศัตรูเห็น เป็นการโซนไม่ให้ศัตรูกล้าเดินเข้ามา และการโซนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการ Cut เส้นทางการเดินเกมของศัตรูเท่านั้นเองครับ
ในการเล่น Solo Rank เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นผู้เล่นหยิบทริคการ Cut นี้มาใช้กันสักเท่าไหร่ เพราะการ Cut มันต้องใช้ความเป็นทีมในการดำเนินการตามแผน มีตัวชน และมีตัวเติม แต่การเล่น Solo มันต่างคนต่างเล่น บางครั้งคุณอาจจะไป Cut พื้นที่ด้วยตัวคนเดียวได้ แต่บางจังหวะคุณก็ไม่สามารถไป Cut เส้นทางการเดินของศัตรูได้ เพราะคุณคนเดียว จะไป Cut เส้นทางการเดินของฝั่งตรงข้ามที่มากันหลายตัวได้อย่างไร การจะชนะไฟต์ได้ ต้องมีจำนวนคนที่มากกว่า หรือ เท่ากัน หรือ อย่างน้อย ต้องสูสี และได้อยู่ในพื้นที่ดักซุ่มโจมตีที่ได้เปรียบ แต่การไปดักซุ่มด้วยตัวคนเดียว ถ้าเลเวลไม่นำ เงินไม่นำ จะเป็นเรื่องยากที่จะชนะหรือฆ่าฝั่งตรงข้ามที่มากัน 2 ตัวได้ แต่ถ้าเป็นการดักแบบ 2 ต่อ 3 เรามีกัน 2 คน ฝั่งตรงข้ามมีกัน 3 คน อันนี้มีโอกาสชนะได้ครับ
อย่าลืมเอาทริคนี้ไปใช้เล่นกันด้วยนะครับ โดยเฉพาะการเล่นเป็นทีม 5 คน ถ้าทีมไหนซ้อมแผนการเล่นโดยใช้ทริคนี้เป็นหลัก และเล่นกันจนเกิดความคุ้นเคย รู้ใจกัน จะเก็บดาวได้ง่ายมากๆ เลยครับ ฝั่งตรงข้ามจะไม่สามารถสู้ได้เลย เพราะเสียเปรียบในเรื่องจำนวนคนตอนเข้าไฟต์เสมอ
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มต่างๆ ในเกม ROV ได้ง่ายๆ ภายในเว็บนี้ ด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา ที่ปุ่มแว่นขยายมุมขวาบน ใส่ชื่อ ฮีโร่ หรือ ไอเท็ม เป็นภาษาอังกฤษเหมือนในเกม ROV ได้เลย แล้วมันจะแสดงผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มนั้นๆ ที่คุณต้องการรู้ออกมาเองครับ
อ่านจบแล้วก็อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ แสดงความเห็น และดูคลิปแนวทางการเล่นอีโร่ ROV ทุกตัว ได้ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand Return กันด้วยนะครับ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น และเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ที่เขียนมานั้น เวลาเอาไปเล่นจริงๆ มันต้องนำไปใช้อย่างไร แล้วเมื่อคุณเข้าใจ ฝีมือในการเล่นของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอนครับ
