พลังแฝง Jinna ROV บู๊แหลก อัลติรัวๆ โหดขึ้นกว่าเดิมเยอะ

เมจอีกหนึ่งตัว ที่ถือได้ว่า ได้รับอานิสงส์จากระบบพลังแฝงไปเต็มๆ ทำให้มันเก่งขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยก็คือ Jinna เมจสายบู๊ระยะใกล้ตัวนี้ นี่แหละครับ จากเดิมที่มันก็เล่นได้ดีในระดับหนึ่ง และเป็นตัวแก้ทางพวกแอสซาซิน หรือ ไฟต์เตอร์ทั้งหลายอยู่แล้ว พอมันใช้เซ็ต พลังแฝง Jinna ROV ขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม และสู้กับพวกฮีโร่ตัวโกงๆ ทั้งหลายได้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งฮีโร่ในตำแหน่งเมจ ที่สามารถเข้ามาเติมไฟต์ และทำดาเมจช่วยทีมได้ดีมากๆ เรียกได้ว่า ฆ่าศัตรูตายรอบตัวได้แบบง่ายๆ เลยทีเดียว ด้วยดาเมจเวทที่แรงแบบสุดๆ ไปเลย บอกเลยว่า ซีซั่นนี้ และด้วยพลังแฝงเซ็ตนี้ คุณจะเล่น Jinna ได้สนุกมากขึ้นกว่าเดิม เยอะเลยครับ

พลังแฝง Jinna ROV ต้องจัดแบบไหน ถึงจะทำให้มันโหดมากที่สุด?

สำหรับคนที่เล่น Jinna มานาน ก็คงจะพอเดาได้ว่า พลังแฝงขั้นสูงสุดที่เหมาะสมกับ Jinna มากที่สุด ควรจะเป็นพลังแฝงอะไร เพราะว่า ด้วยรูปแบบการทำงานของพลังแฝง กับ แนวทางการคอมโบสกิลของ Jinna มันก็ลงตัวอยู่แล้วว่า ต้องเป็น Sacred Protection เท่านั้น ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้เลยครับ เพราะรูปแบบการทำงานของพลังแฝง Sacred Protection มันลงตัวกับการเอาไปใช้ เพื่อคอมโบสกิลกับ Jinna เป็นอย่างมาก ได้ทั้งโล่ และเวทแวมไพร์ รวมทั้งความเร็วในการเคลื่อนที่อีกด้วย เรียกได้ว่า มันเหมาะสมกับ Jinna แบบสุดๆ อยู่แล้ว

พลังแฝง Jinna ROV
พลังแฝง Jinna ROV

แปลว่า พลังแฝงสายหลัก สำหรับ Jinna นั้น ต้องเป็นสายสีเหลือง อย่าง Veda โดยไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว ส่วนพลังแฝงสายรอง ผมก็แนะนำว่า ให้เลือกใช้เป็นสายสีแดง หรือ Lokheim ไปเลยจะดีที่สุดครับ เพราะสิ่งที่เราต้องเพิ่มให้กับ Jinna ก็คือ ดาเมจเวทครับ เราต้องเพิ่มดาเมจเวทให้กับ Jinna ให้มันสามารถทำดาเมจเวทได้แรงมากที่สุด เพื่อให้เวลาที่เปิดอัลติเข้าไปกลางวงศัตรู จะได้ทำดาเมจได้สูงๆ และฆ่าศัตรูได้หมดทุกตัวนั่นเองครับ

พลังแฝงสายหลัก ขั้นที่ 1 ของ Jinna แน่นอนว่า เราควรเลือกใช้เป็น Sacred Bead ครับ เพราะในช่วงต้นเกม ถึงกลางเกม ยังไงๆ อัตราการลดคูลดาวน์ของ Jinna ก็ต้องมีน้อยและไม่ถึง 40% อยู่แล้ว ดังนั้น การที่เรามี พลังแฝงอย่าง Sacred Bead มาช่วย จะทำให้ Jinna สามารถกดใช้อัลติได้เร็วขึ้น และบ่อยมากขึ้น นั่นเท่ากับว่า Jinna จะทำดาเมจได้สูงกว่าเดิมมากขึ้น เพราะมีระยะเวลาคูลดาวน์ของอัลติน้อยลง ทำให้กดใช้อัลติได้บ่อยขึ้นนั่นเองครับ

Sacred Bead
Sacred Bead

สำหรับเรื่องของการเพิ่มดาเมจนั้น สำหรับ Jinna อาจจะไม่เห็นจะแจ้งสักเท่าไหร่นัก และจะไปเห็นผลแบบเต็มๆ ก็ช่วงเลทเกมไปแล้ว ซึ่งบางทีมันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฝั่งตรงข้าม ทำเกมนำฝ่ายเราไปไกลแล้ว ทางที่ดี ควรใช้ Sacred Bead มาลดคูลดาวน์สกิลอัลติ เพื่อทำให้กดใช้อัลติได้บ่อยๆ จะดีกว่า แบบนั้น ดาเมจที่ Jinna ทำได้ มันก็จะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

พลังแฝงสายหลัก ขั้นที่ 2 ของ Jinna จะเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้ นอกจาก Blessing ครับ เพราะไอเท็มทุกชิ้น ที่ Jinna จะออกมาใช้ ก็จะเป็นไอเท็มที่เพิ่มพลังเวททั้งหมด เรียกว่า เป็นตัวทำดาเมจเวทหลักของทีม ดังนั้น การที่เราเลือกใช้ พลังแฝงอย่าง Blessing มา จะเป็นการเพิ่ม โบนัสพลังเวทจากไอเท็มอีก 8% ซึ่งถือว่า เยอะมากทีเดียวนะครับ เห็นผลชัดเจนแน่นอน ตั้งแต่ช่วงกลางเกมเป็นต้นไป

Blessing
Blessing

ในส่วนของ Holy Verdict ที่เป็นการเพิ่ม เจาะเกราะเวท นั้น ไม่แนะนำครับ เพราะเราสามารถเพิ่มเจาะเกราะเวท ในช่วงต้นเกม ด้วยไอเท็มได้ ส่วนเลทเกม เจาะเกราะเวทแบบเป็นหน่วยก็ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่แล้ว แต่จะออกเป็นเปอร์เซ็นต์ จะดีกว่า เพื่อเอาไว้ละลายแท็งค์ได้ง่ายมากขึ้นนั่นเองครับ

พลังแฝงสายหลัก ขั้นสูงสุด ของ Jinna ก็ต้องเป็น Sacred Protection ซึ่งเอาไว้ป้องกันตัว ยามที่พลาดไป ก็ได้ หรือเอาไว้เสริมตอนที่เปิดอัลติเข้าไปเล่นงานศัตรู แล้วโดนศัตรูโจมตีสวนกลับมา ทำให้บาดเจ็บ ก็ได้เช่นกัน เพราะมีจุดเด่นในเรื่องการสร้างโล่ และยังมีเวทแวมไพร์ ให้ดูดเลือดจากศัตรูได้อีกด้วย บอกเลยว่า เพราะพลังแฝงอย่าง Sacred Protection นี่แหละ ที่ทำให้ Jinna มันเก่งขึ้น และโหดมากขึ้นเยอะมากๆ ฆ่ามันก็ยาก เพราะมีโล่จากพลังแฝง Sacred Protection มาช่วยชีวิตมัน

พลังแฝงสายรอง ช่องที่ 1 ของ Jinna โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยชอบ Devourer กับเมจสักเท่าไหร่ เพราะมันฟื้นฟู HP ไม่ได้มากเท่าที่ควรในช่วงต้นเกม ดังนั้น ผมเลยมักจะเลือกใช้เป็น Raging Inferno มาแทน เพื่อเพิ่มดาเมจให้กับการโจมตีของเมจ แม้จะไม่ได้แรงอะไรมากมาย แต่ด้วยคูลดาวน์ที่น้อย ทำให้มันตอดดาเมจเพิ่มใส่ศัตรูได้เรื่อยๆ (คูลดาวน์ 8 วินาที) และยิ่งเลทเกม ก็ยิ่งตอดได้แรงมากขึ้นไปอีก

Raging Inferno
Raging Inferno

พลังแฝงสายรอง ช่องที่ 2 ของ Jinna ตรงนี้ แล้วแต่คนชอบเลยนะครับ สำหรับผม ผมค่อนข้างที่จะเลือกตำแหน่งการยืน และจังหวะการเข้าไฟต์ได้ดี ก็เลยไม่เลือกใช้ พวกพลังแฝงป้องกันตาย แต่จะใช้เป็น Deadly Claw เพื่อเพิ่มพลังเวทขึ้นมาให้กับฮีโร่ของเรา แม้จะไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีนะครับ

Deadly Claw
Deadly Claw

แต่ถ้าใครหยิบ Jinna มาเล่นแล้ว รู้สึกไม่มั่นใจ หรือ เห็นว่า ฝั่งตรงข้าม มีตัวล้วงเยอะ ก็อาจจะจัดเซ็ตพลังแฝงอีกเซ็ตนึง ที่เหมือนกัน แล้วเปลี่ยนพลังแฝงสายรองช่องที่ 2 นี้มาเป็น Mark of Frost ก็ได้นะครับ หรือจะใช้เป็น Reaper’s Blessing ก็ยังได้ อยู่ที่ว่า ชอบไอเท็มกันตายแบบไหน และต้องเจอกับศัตรูแบบไหนนั่นเองครับ

ด้วยเซ็ต พลังแฝง Jinna ROV เซ็ตนี้ คุณไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของ Jinna แต่อย่างใด เพียงแต่ก่อนที่จะเปิดอัลติ แล้ววิ่งเข้าไปลุย ก็ควรจะรอให้พลังแฝง Sacred Protection มันคูลดาวน์เรียบร้อย และพร้อมใช้งานซะก่อน ก็จะดีที่สุดครับ ซึ่งก็ไม่นาน แค่ 30 วินาทีเอง ซึ่งก็น่าจะทันกับเวลาคูลดาวน์ของอัลติ Jinna อยู่แล้ว เพื่อให้เวลาเปิดอัลติเข้าไปแล้ว พลาด โดนเล่นงานสวนกลับมา จะได้ไม่ตาย และหนีออกมาได้ทันท่วงทีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งเข้าใจผิด คิดว่าเซ็ต พลังแฝง Jinna ROV ที่แนะนำมานี้ จะทำให้ Jinna ของคุณเก่งขึ้นตั้งแต่เลเวล 1 เลยนะครับ มันไม่ใช่แบบนั้น คุณยังคงต้องทำตามหลักการพื้นฐานในการเล่นเกม ROV ก็คือ ต้องหาเงินให้ตัวเองและทีมรวยๆ เข้าไว จะได้มีไอเท็มเยอะๆ พอมีไอเท็มเยอะๆ ก็จะเก่งขึ้น หลักการในการเล่น ROV แบบเดิม มันก็ยังต้องเป็นแบบนั้น เพียงแต่พลังแฝงเซ็ตนี้ จะช่วยเพิ่มดาเมจให้กับ Jinna รวมทั้งมีสกิลที่คอยช่วยสร้างโล่ให้กับ Jinna ในยามคับขัน สามารถสู้กับพวกตัวล้วง หรือ เข้าไปล้วงแครี่ที่อยู่แนวหลังได้อย่างง่ายดายมากขึ้น เพราะมีโล่คอยซัพความเสียหายให้ แถมอัลติก็ยังลดความเสียหายที่ Jinna จะได้รับอีกด้วย เรียกได้ว่า มันจะอึดขึ้น แรงขึ้น และเล่นได้ง่ายมากขึ้น นั่นเอง

Jinna เป็นอีกหนึ่งเมจทางเลือก ที่เหมาะกับทีมที่ดราฟตัวมา เพื่อเน้นการเข้าไฟต์ และการเดินแก๊งค์เป็นหลัก เน้นการเข้าไปเติมดาเมจในจังหวะ 2 – 3 หลังจากแท็งค์เข้าไปเปิดไฟต์แล้ว และชอบการไฟต์ในระยะประชิดเป็นอย่างมาก เพราะตัวมันเอง มีดาเมจเวทที่รุนแรงมากๆ สร้างความเสียหายรอบตัว แถมยังดูดเลือดได้อีก ดังนั้น ตัวมันเอง สามารถเข้าไปปิดไฟต์ เพื่อฆ่าฮีโร่ทุกตัว ที่ใช้สกิลแรงๆ โจมตีใส่แท็งค์ฝ่ายเราหมดแล้ว ได้อย่างสบายๆ เลย สำหรับฮีโร่ที่ Jinna ชอบเข้าไปคอมโบสกิลร่วมด้วย ก็คือ Alice นั่นเองครับ ซึ่งมักจะเป็นการต่อสกิลกัน ได้แก่ อลิส วางอัลติใส่ศัตรู ขณะเดียวกัน Jinna ก็เปิดอัลติเข้าไปโจมตีใส่ศัตรูที่โดนสกิลอัลติของ Alice อยู่กลางวง แบบนี้ จะทำให้ศัตรู ได้รับความเสียหายจากดาเมจเวทของ Jinna หนักขึ้นเยอะมากๆ

การเล่น Jinna บอกเลยว่า จังหวะถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ การจะกดใช้อัลติ ต้องกะจังหวะให้ดีๆ นะครับ เลือกจังหวะการเข้าไฟต์ให้เหมาะสม ถ้าเข้าถูกจังหวะ จะสามารถช่วยเพื่อนฆ่าศัตรูได้หมดทีมแบบไม่ยากเลยนะครับ

อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ และแสดงความเห็นกันได้ ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand กันได้นะครับ ในเพจ ROV Thailand จะมีบทความดีๆ สาระน่ารู้ และเคล็ดลับการเล่นเกม ROV พร้อมทั้งคลิปแนวทางการเล่น และจังหวะการเล่นของฮีโร่แต่ละตัว เอามาลงให้ศึกษากันด้วย แล้วพบกันที่เพจ ROV Thailand นะครับ

เรื่องก่อนหน้านี้หลักการเข้าไฟต์ ที่ถูกต้อง ในเกม ROV เข้าแบบนี้ ไฟต์กี่ทีก็ชนะแน่นอน
เรื่องถัดไปROV ปรับแพทช์ล่าสุด 1 ส.ค. 62 เซิฟไต้หวัน ปรับสมดุล 5 ฮีโร่ กับ 1 พลังแฝง