ผมเชื่อว่า หนึ่งในประเด็นที่ทุกคน คงจะให้ความสนใจกันไม่น้อย ก็น่าจะเป็นเรื่องของ มือถือเล่นเกม ปี 2018 ว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร คือ บางคน ก็เริ่มเล่นเกมจริงจังขึ้น จากที่เมื่อก่อน เล่นไปงั้นๆ เพราะเล่นๆ แล้วก็หัวร้อน เล่นแล้วแพ้ แต่มีแฟนเพจเป็นจำนวนมาก ที่เข้ามาติดตามในเพจ ศึกษาจนมีความรู้ ได้เพื่อน ได้สังคม มีทีม รวมตัวกันเล่น จนแร็งค์พุ่งขึ้น อย่างในซีซั่นที่แล้ว ก็แร็งค์คอนกันไปมากมาย ทีนี้ก็เริ่มจะหันมาจริงจังนิดนึง คือ หาอุปกรณ์ หรือ มือถือที่มันดีๆ หน่อย เวลาเล่นแล้ว จะได้ไม่กระตุก และภาพสวยขึ้น แต่คำถามคือ ควรจะลงทุนเท่าไหร่ และกับแบรนด์ไหน ค่ายไหนดี?
มือถือเล่นเกม ปี 2018 มีแนวโน้มและทิศทางอย่างไร?
สิ่งที่เราต้องรู้และเข้าใจ ก่อนที่จะตัดสินใจลงไปได้ว่า ควรจะลงทุนกี่บาท และที่สำคัญ ควรจะซื้อช่วงไหน ตอนไหน? ถึงจะดีที่สุด ไม่ใช่ซื้อรุ่นนี้มาเดือนนี้ อีก 2 เดือน มีรุ่นใหม่ ที่โคตรเจ๋งกว่าออกมา ในราคาที่เท่ากัน แบบนี้ก็เรียกว่า หัวแตกกันไปสิครับ
สำหรับแนวโน้มของ มือถือเล่นเกม ปี 2018 ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ที่ค่อนข้างจะชัดเจนมากขึ้น คือ ถ้าใครไม่ได้อยู่ในวงการมือถือ และโน๊ตบุ๊ค ก็จะไม่รู้ว่า ตอนนี้ เทคโนโลยี ในวงการมือถือนั้น ก้าวไปไกลมากๆ เพราะตลาดมันใหญ่กว่า โน๊ตบุ๊ค การแข่งกันก็สูงมากกว่า เทคโนโลยี เลยพัฒนาไปเร็วกว่า และหนึ่งในเรื่องสำคัญเลยก็คือ ตลาดของ คอเกมมือถือ เริ่มใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ เอาแค่ 3 เกมนี้ ก็มีผู้เล่นในเมืองไทยมหาศาลแล้ว ทั้ง ROV, Free Fire และ PUBG Mobile
แต่ด้วยเทคโนโลยีของมือถือที่เปลี่ยนไป ค่ายเกม ก็พัฒนาเกมของตัวเองตามไปด้วย ทำให้หลายๆ อย่างมันเปลี่ยนไป และความลำบาก จะตกมาสู่ผู้ใช้งาน ที่ใช้มือถือรุ่นเก่า หรือ Out-date นั่นเองครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างในเกม ROV ที่อัพเดตแพทช์ล่าสุด ใน SS7 มีการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ถ้าใครที่เล่น มือถือรุ่นท็อป ที่มีชิปเซ็ตรุ่นใหม่ ความเร็วสูงอยู่ อาจจะไม่รู้สึก แต่คนที่เล่นมือถือรุ่นเก่า จะรู้สึกได้ ว่ามันอืดมากขึ้น ในช่วงการโหลด และการเล่นหลายๆ ครั้ง มีการกระตุกมากขึ้น
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ จะหมดไปครับ ถ้าเราซื้อ มือถือรุ่นใหม่ ที่สเปคสูงๆ แต่จะซื้อจากค่ายไหน ฝั่งไหน และช่วงไหนดีล่ะ มาดูกันครับ
ฝั่ง iPhone
ขึ้นชื่อว่า iPhone ก็แน่นอนว่า มันเจ๋งอยู่แล้ว เรียกได้ว่า เป็นมือถือ ที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุดแล้ว เฟรมเรทสูง และนิ่งที่สุดแล้ว มันทำได้ทุกอย่างยอดเยี่ยมมากๆ สุดยอดแล้วล่ะ แต่.. ราคาของมัน ก็แรงมาก จนขนาดที่สามารถซื้อ มือถือรุ่นท็อป ที่โคตรเจ๋งที่สุดของฝั่ง Android ได้ถึง 2 เครื่องเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้ ก็อยู่ที่ กำลังทรัพย์ของทุกท่านแล้วล่ะครับ
ถ้าจะซื้อ ขอให้ซื้อรุ่นใหม่ล่าสุดนะครับ เพราะชิปเซ็ตมันแตกต่างกัน รุ่นใหม่ ย่อมดีกว่ารุ่นเก่าหลายเท่าอยู่แล้ว อย่าย้อนไปซื้อรุ่นเก่ามาใช้นะครับ ให้ซื้อเผื่อไปเลยครับดีที่สุด ลงทุนครั้งเดียวไปเลย ถ้าจะซื้อไอโฟนรุ่นเก่า ผมแนะนำว่า ให้ไปซื้อ Android รุ่นใหม่ล่าสุดแทนเลยดีกว่าครับ
ฝั่ง Android
หลังจากที่ตกเป็นรอง ของฝั่ง iPhone มานาน เกี่ยวกับปัญหาในการเล่นเกม ซึ่งหลักๆ เลยก็คือ เรื่องของ เฟรมเรท ที่มันไม่นิ่ง ตกวูบบ้างอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเวลาร้อนๆ ยิ่งตก และจะกระตุก แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว เพราะแนวโน้มของมือถือเล่นเกม ฝั่ง Android ได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยมีรุ่นที่เป็น Gaming Smartphone ออกมาเยอะมากๆ
ที่เห็นๆ ล่าสุด ก็ได้แก่ Black Shark จากบริษัทในเครือของ Xiaomi และล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวสิ้นเดือน ก.ค. 61 นี้ ก็คือ Asus ROG Gaming Smartphone ที่ได้ชื่อว่า เป็นมือถือเล่นเกม ที่มีสเปคแรงที่สุดในโลก และราคาน่าจะไม่แรงเท่าไอโฟน
ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี สำหรับคอมือถือ Android ที่จะได้มีมือถือสำหรับเล่นเกมแบบจริงๆ มาไว้เล่น ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ที่สำคัญ สำหรับ Asus ROG Phone นั้น มีอุปกรณ์เสริมมาให้เพียบ และเวลาเล่นเกมแล้ว เฟรมเรทตกน้อยมากๆ ใกล้เคียงกับ iPhone รุ่นท็อปเลยทีเดียว ซึ่งรุ่นนี้ ผมบอกเลยว่า ผมก็เล็งอยู่ครับ เพราะอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของมัน เจ๋งจริงๆ ครับ เหมาะสำหรับคอเกมที่แท้ทรูเลยทีเดียว
สำหรับช่วงเวลาในการซื้อ หรือ การลงทุน ผมแนะนำให้เป็น ช่วงปลายปี ตั้งแต่ ธ.ค. ไปจนถึง ก.พ. เลยครับ เพราะเป็นช่วงเทศกาล มักจะนิยมเอามาลดกระหน่ำขายกันน่าดู อย่าเพิ่งซื้อตอนเปิดตัวครับ เพราะส่วนใหญ่ หลังจากเปิดตัวไปแล้ว ลูกค้าซื้อไปใช้ มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งถ้าเป็นปัญหาของ Software ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่ส่วนใหญ่ มักจะเป็นปัญหาด้าน Hardware ดังนั้น ซื้อช้าหน่อย แต่ปลอดภัย น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่านะครับ
สำหรับงบประมาณของ มือถือเล่นเกม ปี 2018 ผมแนะนำว่า ควรจะลงทุนตั้งแต่ หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึง สองหมื่นกลางๆ ครับ คือ ประมาณ 12,000 – 25,000 บาท ไม่ควรจะต่ำ หรือ แพงไปกว่านี้ครับ มือถือถูกไป สเปคก็ไม่ค่อยดี ระบบปฏิบัติการก็อาจจะไม่นิ่ง แต่ถ้าลงทุนแพงมากเกินไป มันก็เกินความจำเป็น เพราะเทคโนโลยีมือถือ มันเปลี่ยนเร็ว ทุก 3 เดือนแล้วนะครับ ที่สำคัญ รุ่นท็อปส่วนใหญ่ จะแกะเปลี่ยนแบตไม่ได้ ดังนั้น อายุของมัน ก็อยู่ไม่นาน ไม่เกิน 4 ปี ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้ว ไม่ใช่ว่า ซื้อมาแพง จะใช้ได้ 10 ปี อันนี้ก็ไม่ใช่นะครับ ดังนั้น ลงทุนแค่งบพอดี เอาไว้อีก 4 ปี ค่อยซื้อใหม่ แบบนี้จะดีที่สุดครับ
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นข้อมูลล่าสุด จากที่ผมได้ลงไปสัมผัสมานะครับ รวมกับประสบการณ์ ที่ผมอยู่ในวงการมือถือ และโน๊ตบุ๊คมาตลอด เชื่อว่า หลักการคิดแบบนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนครับ ( ไม่อยากให้ทุกคนหัวแตกครับ ซื้อมาแล้ว สักพัก ไปเจอที่ถูกกว่าอะไรแบบนี้ )
