สรุป RoV แพทช์ใหม่ 23 ธ.ค. 64 ปรับสมดุล 8 ฮีโร่ เป็นการปรับเล็กๆ แต่ส่งผลกับการเล่นพอสมควร

และแล้วการปรับแพทช์ RoV ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ปีใหม่ ปี 2022 ก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในการปรับแพทช์ครั้งนี้ จะเป็นการปรับสมดุลฮีโร่ 8 ตัว ซึ่งเป็นการปรับสมดุลเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีผลอะไร แต่จริงๆ แล้ว มันส่งผลกระทบกับการเล่นในแร็งค์มากพอสมควรเลยทีเดียวครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด ผมได้ทำการ สรุป RoV แพทช์ใหม่ 23 ธ.ค. 64 เอาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทำการวิเคราะห์เจาะลึกให้เลยว่า ฮีโร่แต่ละตัวมันเก่งขึ้นหรืออ่อนลงยังไง อ่านเรื่องนี้จบปุ๊บ คุณจะเข้าใจทุกอย่างที่จะได้เจอใน RoV แพทช์ปัจจุบันทันทีเลยครับ

สรุป RoV แพทช์ใหม่ 23 ธ.ค. 64 ปรับสมดุล 8 ฮีโร่ ที่น่าสนใจมากๆ

Ignis (ปรับสกิลใหม่)

IGNIS ROV
Ignis

Passive
ทุกๆ สกิลของ Ignis สามารถติดสัญลักษณ์ที่เป้าหมายได้ และสัญลักษณ์จะไม่หายไปเมื่อ Passive ทำงาน คือ มันจะหายไปตามเวลา 3 วินาทีเท่านั้น แต่ถ้ามีการคอมโบสกิลเรื่อยๆ ติดสัญลักษณ์เรื่อยๆ แม้ว่าจะมีผลเอฟเฟ็กต์เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของ Passive แล้ว สัญลักษณ์ก็จะไม่หายไป จนกว่าจะไม่ได้ทำคอมโบสกิลอะไรและผ่านไป 3 วินาทีนั่นแหละครับ สัญลักษณ์มันถึงจะหายไป

ลดคูลดาวน์สกิล 1 ลงไป 20% (ไม่ได้รีเซ็ตคูลดาวน์ของสกิล 1 เหมือนเดิมแล้ว แต่ถ้าออกไอเท็มลดคูลดาวน์มาช่วย ก็น่าจะทำให้ใช้สกิลได้รัวๆ อยู่พอสมควร)

สัญลักษณ์แต่ละครั้งที่เพิ่มขึ้น จะเพิ่มความเร็วโจมตี 20% และความเร็วเคลื่อนที่ 6% สะสมได้สูงสุด 5 ครั้ง นั่นเท่ากับว่า ถ้า Ignis คอมโบสกิลแบบเต็มๆ ครบ 5 ครั้ง จะทำให้โจมตีปกติเร็วขึ้น 100% และ วิ่งเร็วขึ้น 30% นั่นถือว่า เยอะมากๆ นะครับสำหรับเมจขาตายอย่าง Ignis

การโจมตีปกติของ Ignis ใส่ศัตรูที่ติดสัญลักษณ์จะสร้างความเสียหายเวท 24 (+4 ต่อเลเวล) (+0.1 พลังเวท) ทีนี้เข้าใจหรือยังครับว่า เค้าปรับเพิ่มความเร็วโจมตีปกติให้กับ Ignis ทำไม ก็เพื่อให้มีดาเมจเวทเพิ่มเติมเข้าไปเป็น DPS นั่นเองครับ

การใช้สกิลใส่เป้าหมายที่ติดสัญลักษณ์จะฟื้นฟู HP: 100 (+5 ต่อเลเวล) (+0.15 พลังเวท) → 80 (+4 ต่อเลเวล) (+0.12 พลังเวท) อันนี้ลดลงไปเล็กน้อย ไม่เป็นไร เพราะมันต้องปรับลดลงไปบ้างเนื่องจาก Ignis ที่ปรับมาใหม่จะโจมตีใส่ศัตรูที่ติดสัญลักษณ์มากขึ้น มันก็จะฟื้นฟู HP ได้รัวๆ มากขึ้นกว่าเดิม ก็เลยต้องปรับอัตราการฟื้นฟูให้ลดลงไปเล็กน้อยนั่นเอง

สกิล 1
เอาเอฟเฟ็กต์เพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ 40% ออกไป
คูลดาวน์: 3 → 5 วินาที อันนี้ปรับเพื่อให้มันสมดุล เพราะจะมีการลดคูลดาวน์ให้จาก Passive อยู่แล้ว
มานา: 30/34/38/42/46/50 → 50/55/60/65/70/75 อันนี้ไม่ดีเลย คือ ใช้มานาเยอะขึ้นมากๆ นะครับ
ดาเมจเวท: 350/380/410/440/470/500 (+0.5 พลังเวท) → 375/420/465/510/555/600 (+0.55 พลังเวท) เพิ่มขึ้นเยอะพอสมควรเลยทีเดียว
โล่ที่จะได้รับ: 300/400/500/600/700/800 (+0.65 พลังเวท) → 300/360/420/480/540/600 (+0.5 พลังเวท) โล่บางลงเล็กน้อย

สกิล 2
ระยะเวลาการสตั้น: 0.5 → 0.75 วินาที
การโจมตีหลายๆ ครั้งจากสกิล 2 ที่เป็นลูกไฟร่วงลงมา จะไม่ถูกนับเป็นจำนวนครั้งของสัญลักษณ์นะครับ คือ ใช้สกิล 2 โดนศัตรู จะมีลูกไฟหล่นลงมากี่ครั้ง ก็นับเป็น 1 สัญลักษณ์เท่านั้น

อัลติเมทสกิล
เมื่อโดนเป้าหมายที่ติดสัญลักษณ์: ความเสียหายจริง → ความเสียหายเวท อันนี้ไม่ดีเลยครับ น่าเสียดายที่ปรับเป็นความเสียหายเวท
ดาเมจเวท: 800/1000/1200 (+1.0 พลังเวท) → 800/1025/1250 (+1.2 พลังเวท) แรงขึ้นนิดนึง แต่ก็ไม่ดีเท่าเดิม เพราะที่แรงขึ้นมามันเป็นดาเมจเวท ไม่ดีเท่ากับดาเมจจริงแบบเดิมอยู่แล้ว

วิเคราะห์: หัวใจสำคัญของการปรับสมดุลในครั้งนี้ของ Ignis ก็คือ ยังคงคอนเซ็ปให้ Ignis ใช้สกิลแบบรัวๆ ใส่เป้าหมายได้อยู่ แต่จะเพิ่มการใช้การโจมตีปกติเพิ่มเข้าไปด้วยในระหว่างที่ใช้การคอมโบสกิล โดยการโจมตีปกติจะทำความเสียหายเวทนะครับ เพราะเป็นการโจมตีใส่เป้าหมายที่ติดสัญลักษณ์ ดังนั้น ต้องเข้าใจว่า แนวทางการเล่น Ignis นั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การปรับสมดุลครั้งนี้ทำให้ Ignis เข้าไฟต์กับศัตรูในระยะประชิดได้ดีกว่าเดิม ทำ DPS ได้หนักขึ้นกว่าเดิม รัวกว่าเดิม และคล่องตัว ว่องไวมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น การเล่น Ignis ในแพทช์นี้ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางหรือสไตล์การเล่นครับ แต่ให้เพิ่มความดุดันในการเล่นเข้าไปให้มากขึ้นกว่าเดิมได้เลยครับ

การคอมโบสกิลของ Ignis ก็ยังเหมือนเดิม คือ 1-2-1-3 อะไรแนวๆ นี้ แต่ที่เพิ่มเติมก็คือ หลังจากการกดใช้สกิลทุกๆ สกิลไปแล้วในระหว่างที่รอคูลดาวน์ของสกิลต่อไป ให้กดใช้การโจมตีปกติใส่เป้าหมายด้วย นั่นแปลว่า ไอเท็มเวทอย่าง Apocalypse และ Zweihander จะเข้ามามีบทบาทในเซ็ตไอเท็มของ Ignis อย่างแน่นอนครับ เพราะไม่ว่ายังไงต่อไปนี้ Ignis ก็จะกลายเป็นเมจที่เน้นการใช้การโจมตีปกติหลังจากใช้สกิลไปแล้วเสมอ นั่นแปลว่า เราสามารถหยิบ Ignis ไปเล่นในตำแหน่งฟาร์มป่าได้นั่นเองครับ

การเล่น Ignis ฟาร์มป่าจะเป็นอะไรที่สนุกมากๆ ฟาร์มได้เร็ว และหมดปัญหาเรื่องการสิ้นเปลืองมานา เพราะมีบัพฟ้าให้ใช้มานาได้รัวๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว หลังจากนี้เราจะได้เห็น Ignis ฟาร์มป่าเยอะขึ้นอย่างแน่นอนครับ ก็รีบเล่นกันก่อนที่จะโดนปรับสมดุลอีกรอบนะครับ เพราะผมเชื่อว่า ทางทีมงานเค้าคงไม่ได้ตั้งใจจะปรับมาเพื่อให้ Ignis เข้าป่า แต่เมื่อปรับมาเป็นแบบนี้ เราก็เล่นป่าได้ ย้ำเลยนะครับว่า Passive ตอนที่ตีครีปและมอนสเตอร์ป่า ก็ยังคงทำงานอยู่นะครับ และมันจะโจมตีปกติเร็วมากๆ เลยทีเดียว น่ากลัวมากๆ ครับสำหรับ Ignis ฟาร์มป่า

อย่างไรก็ตาม ผมต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า การหยิบ Ignis มาฟาร์มป่า อาจจะทำให้มันเก่งขึ้น แต่การจะเล่นเมจขาตายฟาร์มป่า ทีมต้องเป็นงานด้วยนะครับ เพราะถ้าโดนเวดป่า โดนเล่นงานหลายๆ รูปแบบ Ignis ฟาร์มป่าก็อาจจะไม่เกิดและอาจจะตายบ่อยจนไม่เก่งได้เช่นกัน ที่สำคัญการดราฟตัวและจัดทีมต้องให้มีความสมดุลนะครับ ต้องมีตัวล้วงแนวหลังอยู่ในทีมเราด้วย เพราะการใช้สกิลของ Ignis มันเป็นแบบ DPS ต้องมีตัวค้ำแผงหน้า และมีตัวล้วงของทำหน้าที่ไปล้วงแนวหลังให้ด้วย การหยิบ Ignis มาเล่น จึงไม่ได้ง่ายอะไรขนาดนั้น ทีมต้องดราฟตัวฮีโร่ในตำแหน่งอื่นๆ มาชดเชยเพื่อให้ทีมเกิดความสมดุลด้วยนะครับ

Volkath (บัพ)

Volkath ROV
Volkath

สกิล 2
ตัวคูณดาเมจของ HP เป้าหมายที่เสียไป ปรับเพิ่มขึ้น: 8% → 10% ยิ่งเป้าหมายเหลือเลือดน้อยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดนดาเมจจังหวะที่ Volkath พุ่งไปแทงรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

อัลติเมทสกิล
การฟื้นฟู HP ในระหว่างที่อยู่บนหลังม้า: 4% HP สูงสุด (+0.8 พลังโจมตี) ไม่นับการฟื้นฟูกับเป้าหมายหลายๆ ตัวได้ จะนับได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น → 6% HP สูงสุด (+1.2 พลังโจมตี) สามารถใช้กับเป้าหมายหลายๆ ตัวได้ โดยเป้าหมายที่ 2 ขึ้นไป จะฟื้นฟูได้เพียง 50% เท่านั้น ตรงนี้ถือว่า ดีมากๆ เพราะจะทำให้ Volkath ตอนที่อยู่บนหลังม้าแข็งแกร่งขึ้นเยอะ ฟื้นฟู HP ได้มากขึ้น ยิ่งมีศัตรูมากเท่าไหร่ โดน Volkath ฟันโดนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งฟื้นฟู HP ได้มากขึ้นเท่านั้น
คูลดาวน์: 70/65/60 วินาที → 60/50/40 วินาที

วิเคราะห์: Volkath ถูกปรับมาให้เก่งขึ้นอย่างชัดเจน โดยสกิล 2 จะทำดาเมจได้แรงขึ้นกว่าเดิม และอัลติที่คูลดาวน์น้อยลง ทำให้ใช้งานได้บ่อยขึ้น และที่สำคัญ Volkath ตอนที่อยู่บนหลังม้าจะแข็งแกร่งมากๆ ทำให้เกิดความสมดุลกับการปรับเมื่อครั้งที่แล้ว นั่นคือ หลังจากที่ Volkath ลงจากหลังม้าแล้วจะไม่ได้มีการฟื้นฟู HP ให้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นั่นแปลว่า Volkath ต้องใช้การโจมตีตอนที่อยู่บนหลังม้านี่แหละเพื่อฟื้นฟู HP ก่อนที่จะโดดลงมา แล้วก็จะมีโอกาสรอดตาย หรือ เล่นง่ายมากขึ้น ที่สำคัญก็คือ จังหวะการโถม การไล่ฆ่าศัตรู ไล่ฆ่าแครี่ บุกทะลวงกลางวงไฟต์ ด้วยร่างที่ขี่ม้าจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฟื้นฟู HP ได้เยอะมากๆ จากการฟันโดนฮีโร่หลายๆ ตัวพร้อมๆ กันนั่นเองครับ จัดว่า เก่งขึ้น น่าเล่นขึ้น แต่ก็ยังไม่เก่งเท่ากับเมื่อก่อนอยู่ดีครับ แต่เล่นได้ และมีประโยชน์กับทีมอยู่นะครับ

Dirak (บัพ)

Dirak ROV
Dirak ROV

Passive
ปรับค่าการแปลงมานาใหม่ : 1 มานา จะต้านทานความเสียหายได้ 1.5 หน่วย

สกิล 1
คูลดาวน์: 6 วินาที → 5 วินาที

วิเคราะห์: การปรับแบบนี้ให้กับ Dirak ก็เพื่อชดเชยการเนิฟสกิล 2 ในการปรับแพทช์ครั้งที่แล้ว ดังนั้น การบัพแบบนี้ ทำให้ Dirak เก่งขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้เก่งขึ้นอะไรมากมายขนาดนั้นนะครับ แต่จะทำให้ Dirak อึดขึ้นกว่าเดิม ตายยากขึ้นกว่าเดิม และใช้สกิล 1 ได้บ่อยขึ้นกว่าเดิมอีกนิดนึงแค่นั้นเอง ดังนั้น ใครที่ชอบเล่น Dirak ก็ยังคงหยิบมาเล่นได้เหมือนเดิมครับ ไม่มีปัญหาอะไร

Lorion (เนิฟ)

Lorion ROV
Lorion

สกิล 1
ความเสียหายเวท: 200/240/280/320/360/400 (+0.3 พลังเวท) → 240/288/336/384/432/480 (+0.36 พลังเวท) ปรับดาเมจเวทให้แรงขึ้น

เงื่อนไขใหม่: การสร้างความเสียหายซ้ำภายใน 1 วินาที จะลดลง 50% พูดง่ายๆ ก็คือ การกดใช้สกิล 1 แบบรัวๆ ใส่เป้าหมายแบบ Auto-Lock จะไม่แรงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วนั่นเอง คือ ตรงนี้มันกลายเป็นทริคการเล่น Lorion มานานแล้วว่า ถ้ากดใช้สกิล 1 แบบรัวๆ ใส่เป้าหมายตัวเดิมๆ จะทำให้ได้ดาเมจแรงขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งต่อไปนี้ก็จะไม่มีทริคการเล่นแบบนั้นอีกแล้ว

อัลติเมทสกิล
ระยะเวลาที่ยกศัตรูให้ลอยขึ้น: 1.5 วินาที → 1.25 วินาที (ไม่มีผลกับเอฟเฟ็กต์กันสถานะ)

วิเคราะห์: ตรงนี้ถ้าใครอ่านผ่านๆ ก็จะรู้สึกเลยว่า นี่เป็นการเนิฟที่หนักหนาสาหัสอะไรมากมาย โดยส่วนตัวผมมองว่า เนิฟลงไปเล็กน้อยครับ ไม่ได้มีผลกับการหยิบ Lorion มาเล่นสักเท่าไหร่ เพราะดาเมจจากสกิล 2 ซึ่งถือเป็นดาเมจเวทที่สำคัญที่สุด และแรงที่สุดของ Lorion ไม่ได้โดนปรับ ดังนั้น ก็ยังไม่ถือว่า เนิฟอะไรมากมาย ก็ยังคงสามารถหยิบมาเล่นได้อยู่เหมือนเดิมนะครับ ใครที่ชอบเล่น Lorion ก็เล่นต่อไปครับ ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่จังหวะการกดใช้สกิล 1 แบบรัวๆ แล้วแรงเป็นสองเท่าเหมือนเมื่อก่อน มันจะไม่มีอีกแล้ว ก็แค่นั้นเอง ซึ่งตรงนี้ก็โอเคครับ มันก็สมควรจะต้องปรับแบบนี้นี่แหละ เพื่อให้เกมมันเกิดความสมดุลนะครับ

เอาเป็นว่า โดยภาพรวมแล้ว Lorion ก็ยังคงสามารถหยิบมาเล่นได้อยู่เหมือนเดิมนะครับ เน้นการจ่ายดาเมจแบบเดิม ตามหลักการ คอมโบสกิล Lorion ที่ผมเคยได้เขียนแนะนำไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ มันไม่ได้เนิฟหนักจนทำให้ Lorion เล่นไม่ได้อะไรซะขนาดนั้น ดูที่ดาเมจเวทที่เพิ่มขึ้นของสกิล 1 และตัวคูณดาเมจเวทสิครับ มันเพิ่มขึ้นเยอะนะ ดังนั้น ไม่ต้องไปกังวลอะไรมากมายครับ เคยเล่นยังไงก็เล่นแบบนั้นได้เลยครับ

Taara (บัพ)

Taara ROV
Taara

สกิล 1
การลดความเร็วเคลื่อนที่: 2 วินาที 60% → 1.5 วินาที 50%

สกิล 2
คูลดาวน์: 7/6.6/6.2/5.8/5.4/5 วินาที → 6/5.6/5.2/4.8/4.4/4 วินาที
ความเสียหายกายภาพ: 200/240/280/320/360/400 (+0.6 พลังโจมตี) → 250/300/350/400/450/500 (+0.6 พลังโจมตี) การปรับเพิ่มดาเมจให้เยอะขึ้นแบบนี้ น่าสนใจมากนะครับ เพราะเดิมที หลังจากที่ปรับมาก่อนหน้านี้ ดาเมจจากสกิล 2 ของ Taara มันก็แรงอยู่แล้ว พอปรับเพิ่มให้แบบนี้ ยิ่งทำให้ Taara มีดาเมจที่แรงมากขึ้นไปอีกนะครับ

อัลติเมทสกิล
โบนัสเกราะกายภาพ: 80/120/160 → 120/180/240 การปรับแบบนี้ ก็จะทำให้ Taara เก่งในการสู้กับพวกฮีโร่สายกายภาพมากขึ้น เข้าไปเล่นงานแครี่ได้มากขึ้น เพราะต้านทานดาเมจกายภาพได้ดีขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

วิเคราะห์: หลังจากที่มีการปรับแพทช์ไปเมื่อครั้งที่แล้ว จากที่ผมได้ทำการทดลองเล่นมา ก็ต้องบอกเลยว่า Taara มันเก่งขึ้นกว่าเดิมพอสมควรครับ ในกรณีที่ใช้เล่นในตำแหน่งซัพพอร์ต แล้วเน้นเป้าหมายไปที่การโจมตีใส่พวกตัวบางๆ อย่างแครี่ ดาเมจตอนปั่นสกิล 2 แรงขึ้นจริงๆ ครับ แครี่โดนเข้าไปทีนึงนี่ ไส้แตกเลยทีเดียว ยิ่งมาปรับเพิ่มดาเมจของสกิล 2 ให้แบบนี้ ยิ่งทำให้ Taara มันโหดมากขึ้นไปอีก และมีอัลติที่เพิ่มเกราะกายภาพให้แบบนี้ ก็ทำให้การเล่น Taara ในตำแหน่งซัพพอร์ตดีขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องเข้าใจด้วยว่า Taara ในแพทช์นี้ จะเก่งกับพวกแครี่ตัวบางๆ ที่ไม่มีเกราะกายภาพนะครับ มันไม่เก่งเมื่อเอาไปสู้กับไฟต์เตอร์หรือแท็งค์ตัวหนาๆ เพราะไม่มีจุดเด่นในเรื่องการสร้างความเสียหายจริงอีกแล้ว แต่มันเก่งในเรื่องการเล่นงานพวกแครี่ หรือ แอสซาซิน ตัวบางๆ ที่ไม่ออกไอเท็มเกราะ พวกนี้จะเสียเปรียบเมื่อเจอกับ Taara เราก็ควรจะหยิบไปใช้ให้เหมาะสมกับเกมแต่ละเกมนะครับ

ที่สำคัญ การปรับแบบนี้ก็ทำให้ Taara แพ้ทางดาเมจเวทมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น เกมไหนที่ต้องเจอกับพวกเมจเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นซัพพอร์ตที่ทำดาเมจเวท เช่น Sephera หรือ มีเมจเลนกลางที่จ่ายดาเมจเวทแรงๆ หรือ มีป่าที่ทำดาเมจเวทแรงๆ พวกนี้ Taara จะเสียเปรียบและสู้ได้ยาก ดังนั้น เราก็ไม่ควรหยิบ Taara มาเจอกับพวกดาเมจเวทเยอะๆ แบบนี้นะครับ

Riktor (บัพ)

Riktor ROV
Riktor ROV

สกิล 2
คูลดาวน์ใหญ่ของสกิล: 18/17/16/15/14/13 วินาที → 15/14/13/12/11/10 วินาที เมื่อปรับคูลดาวน์ให้เร็วขึ้นแบบนี้ ก็ทำให้การใช้สกิล 2 ของ Riktor ใช้งานได้บ่อยมากขึ้น ที่ปรับแบบนี้ก็เพื่อชดเชยการปรับแพทช์ในครั้งที่แล้ว ที่ปรับให้สกิล 2 ของ Riktor โดนขัดจังหวะ หรือ โดน Cancel สกิลได้นั่นเอง

อัลติเมทสกิล
ดาเมจจริงที่เผาเรื่อยๆ: 36/58/80 (+0.1 พลังโจมตี) → 45/75/105 (+0.12 พลังโจมตี) เผาแรงขึ้น โหดขึ้นอย่างชัดเจน การปรับแบบนี้น่ากลัวมากครับ และเป็นความเสียหายจริงด้วยนะ
การระเบิดเป็นความเสียหายจริง: 200/350/500 (+0.8 พลังโจมตี) → 250/450/650 (+0.9 พลังโจมตี) ดาเมจส่วนนี้ที่ปรับเพิ่มขึ้นมา แรงจัดๆ และเป็นความเสียหายจริงซะด้วย

วิเคราะห์: นี่คือการบัพให้ Riktor โหดขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอัลติเมทสกิล เรียกได้ว่า ไฟต์เตอร์กับแท็งค์มีสิทธิ์ละลายได้ง่ายๆ ทันที เพราะเป็นความเสียหายจริง ส่วนพวกตัวบางๆ อย่างแครี่ เมจ หรือ แอสซาซิน ไม่ต้องพูดถึง หายวับไปกับตาแน่นอน บอกเลยว่า Riktor แพทช์นี้เก่งขึ้นแบบสุดๆ จริงๆ ครับ หลุดแบนมาต้องรีบเล่น อัลติทีนึง วงแตกแน่นอน ไม่ต้องบรรยายอะไรกันเยอะ ง่ายๆ สั้นๆ เลยก็คือ “เก่งขึ้นสุดๆ”

Zill (บัพ)

Zill ROV
Zill

สกิล 1
คูลดาวน์: 6 วินาที → 5 วินาที

วิเคราะห์: สำหรับ Zill นั้น หลังจากที่โดนเนิฟหนักในแพทช์ที่แล้ว ก็ทำให้เห็นชัดเจนว่า การสะสม Stack นั้นสำคัญสุดๆ กับ Zill ซึ่งสกิล 1 คือ สกิลหากินที่เอาไว้สะสม Stack โดยเฉพาะ ดังนั้น การปรับลดคูลดาวน์ของสกิล 1 ก็เพื่อทำให้ Zill สามารถใช้สกิล 1 เพื่อเก็บ Stack ได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นนั่นเองครับ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการปรับแก้ครั้งแรกหลังจากที่เนิฟ Zill ไปในแพทช์ที่แล้ว หลังจากนี้คาดว่าน่าจะมีการปรับเพิ่มเติมอีก เพราะปรับมาแค่นี้ก็ยังไม่ทำให้ Zill เล่นง่าย หรือ เก่งขึ้นอะไรมากมายอยู่ดีครับ

Annette (บัพ)

Annette ROV
Annette

Passive
รัศมีการทำงานของ Passive: 6m → 8m

สกิล 2
เอาระยะเวลาร่ายสกิลออกไป ทำให้จังหวะการใช้สกิล 2 คล่องตัวและว่องไวมากขึ้น

อัลติเมทสกิล
ระยะเวลาการกดอัลติอีกครั้งเพื่อยกเลิกสกิล: 1 วินาที → 0.5 วินาที
เอฟเฟ็กต์ใหม่: สามารถใช้สกิล 2 เพื่อยกเลิกอัลติได้
ระยะเวลาการสตั้นที่ขอบวงอัลติ: 1 → 1.5 วินาที สตั้นได้นานขึ้น

วิเคราะห์: นี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีการปรับให้ Annette เก่งขึ้นกว่าเดิม เพราะในแพทช์ที่แล้ว Annette มีจุดอ่อนในเรื่องของสกิล 2 และ อัลติ ที่มีระยะเวลาการร่ายที่นาน และมีจังหวะดีเลย์อยู่ ดังนั้น การปรับแบบนี้ จะทำให้ Annette มีความคล่องตัวมากขึ้น และแม้ว่า Annette จะสามารถนำไปเล่นในตำแหน่งเลนกลางได โดยส่วนตัวผมก็ยังคงแนะนำให้หยิบ Annette ไปเล่นในตำแหน่งซัพพอร์ตหลักของทีมอยู่เหมือนเดิมครับ และด้วยการปรับสกิลให้ดีขึ้นแบบนี้จะทำให้ Annette ในตำแหน่งซัพพอร์ต เก่งขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ แน่นอนครับ

สรุป RoV แพทช์ใหม่ 23 ธ.ค. 64 คราวนี้เป็นการบัพให้ฮีโร่หลายๆ ตัวเก่งขึ้นเยอะ แต่มีฮีโร่ที่น่าสนใจ 4 ตัว ในการปรับแพทช์ครั้งนี้ ได้แก่ Ignis, Taara, Riktor และ Annette ซึ่งที่โดดเด่นและเก่งขึ้นแบบสุดๆ จริงๆ ก็เห็นจะเป็น Riktor นี่แหละครับ ที่เดิมมันก็เก่งมากๆ อยู่แล้ว ยิ่งมีการปรับแบบนี้ ยิ่งทำให้มันเก่งมากขึ้นไปอีก บอกเลยว่า ห้ามพลาดเด็ดขาดสำหรับการหยิบ Riktor มาเล่นนะครับ ส่วนฮีโร่ตัวอื่นๆ ก็อยู่ในระดับที่โอเคครับ เก่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้เก่งล้ำหน้าอะไรขนาดนั้น รวมทั้ง Ignis ด้วย

ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มต่างๆ ในเกม ROV ได้ง่ายๆ ภายในเว็บนี้ ด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา ที่ปุ่มแว่นขยายมุมขวาบน ใส่ชื่อ ฮีโร่ หรือ ไอเท็ม เป็นภาษาอังกฤษเหมือนในเกม ROV ได้เลย แล้วมันจะแสดงผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มนั้นๆ ที่คุณต้องการรู้ออกมาเองครับ

อ่านจบแล้วก็อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ แสดงความเห็น และดูคลิปแนวทางการเล่นอีโร่ ROV ทุกตัว ได้ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand Return กันด้วยนะครับ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น และเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ที่เขียนมานั้น เวลาเอาไปเล่นจริงๆ มันต้องนำไปใช้อย่างไร แล้วเมื่อคุณเข้าใจ ฝีมือในการเล่นของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอนครับ

เรื่องก่อนหน้านี้วิเคราะห์ 5 ฮีโร่ DC ในเกม RoV ใครควรมีฮีโร่ตัวไหนไว้ครอบครอง จำเป็นต้องมีครบทั้ง 5 ตัวเลยหรือไม่
เรื่องถัดไปหลักการเล่น Tulen RoV ทั้งตำแหน่งฟาร์มป่า และ เลนกลาง เมจที่เล่นง่าย ตายยาก และช่วยทีมได้ดีมากๆ