หลังจากที่ผมได้เขียนแนะนำการเล่น Mortos สาย Nature’s Rage ไปแล้วก่อนหน้านี้ คราวนี้ผมก็จะมา สอนเล่น Toro RoV สาย Nature’s Rage กันบ้าง เพราะถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้ว Toro สายนี้น่ากลัว และอันตรายกว่า Mortos สาย Nature’s Rage ซะอีกนะครับ เพราะ Toro มีสกิลที่ทำให้พลังแฝง Nature’s Rage ทำงานได้อยู่ถึง 2 สกิล นั่นคือ สกิล 1 และ อัลติ ดังนั้น มันจะอันตรายกว่า Mortos ที่ใช้พลังแฝงเดียวกันนี้เยอะครับ เพราะ Mortos มีแค่อัลติเท่านั้นที่ทำให้พลังแฝง Nature’s Rage ทำงานได้ และมีคูลดาวน์ของอัลติที่นานในช่วงต้นเกม
สอนเล่น Toro RoV สาย Nature’s Rage : รูน ไอเท็ม และพลังแฝง
ก่อนอื่นเลย สิ่งที่เราต้องเตรียมก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือ รูน นั่นเองครับ สำหรับการเล่น Toro สายนี้ เราก็ใช้รูนแบบเดิมได้เลยนะครับ เอาแบบแข็งแกร่งเต็มพิกัดไปเลย นั่นคือ Golden Body / Protect / Prowess เน้นความแข็งแกร่งเยอะๆ ไว้ก่อนครับ เรื่องเดินเร็ว ตีเร็ว ไม่จำเป็นมากครับ เพราะ Toro มีสกิลเคลื่อนที่มากถึง 2 สกิลอยู่แล้ว เราจึงควรเน้นความแข็งแกร่งให้มากที่สุดเอาไว้ก่อน
ต่อมาเรื่องของไอเท็ม เราต้องเน้นไปที่ไอเท็มป้องกันล้วนๆ อยู่แล้ว โดยไอเท็มสำคัญที่ต้องมีก็คือ เกราะไฟ หรือ Mantle of Ra นั่นเองครับ ไอเท็มชิ้นนี้จะทำให้ Toro โหดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะอย่าลืมว่า สกิล 2 ของ Toro ก็ได้รับการปรับมาให้เป็นความเสียหายเวทด้วยแล้ว และยิ่งมี Passive จากไอเท็ม Mantle of Ra แบบนี้ด้วย ยิ่งทำให้ดาเมจเวทที่เผารอบตัวจาก Toro ยิ่งแรงมากขึ้นไปอีก นี่ยังไม่ได้รับรวมจังหวะที่พลังแฝง Nature’s Rage ทำงานด้วยนะ เท่ากับว่า ศัตรูจะโดนดาเมจเวทเข้าไปถึง 3 ชุดพร้อมๆ กันเลยทีเดียวนะครับ (จากสกิล 2, เกราะไฟ และ พลังแฝง Nature’s Rage)
ส่วนไอเท็มชิ้นที่เหลือ ก็ตามที่ได้เห็นเลยครับ เน้นไปที่การฟื้นฟู HP ให้กับ Toro และเพิ่มทั้ง HP กับเกราะป้องกันให้มากที่สุด โดยเฉพาะ Max HP มีความสำคัญกับ Toro เป็นอย่างมาก ทำให้มันอึดและแข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งมีดาเมจจากสกิลที่รุนแรงมากขึ้นอีกด้วยนะครับ
ในเรื่องของพลังแฝง แน่นอนอยู่แล้วว่า ต้องเป็น Nature’s Rage ส่วนพลังแฝงอื่นๆ ก็ปรับแต่งเอาตามความชอบได้เลยครับ แต่ถ้าจะให้ดี ให้สมดุล สอดคล้องกับ รูน และไอเท็มที่ผมแนะนำ ก็ควรจัดพลังแฝงตามนี้ครับ
สำหรับสกิลชาเลนเจอร์นั้น Toro สามารถใช้ได้หลากหลายอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับตัวของผู้เล่นเลยว่า ต้องการจะเล่น Toro แบบไหน จะใช้ Sprint, Heal หรือ Flicker ก็ได้หมด แต่ที่แนะนำให้ใช้ร่วมกับพลังแฝง Nature’s Rage จริงๆ ก็คือ Execute นะครับ เพราะเราเน้นการทำ Burst Damage เป็นหลัก ก็ควรจะใช้ Execute มาช่วยปิดงาน จะดีที่สุดครับ
สอนเล่น Toro RoV สาย Nature’s Rage : แนวทางการเล่น
การเล่น Toro สายนี้ แสดงว่า เราต้องการฆ่า ต้องการทำดาเมจ คือ เราจะไม่เป็น แท็งค์ที่ตัวหนาๆ และมีหน้าที่รับดาเมจให้เพื่อนอย่างเดียว เราจะไม่ยอมเป็นกระสอบทรายอีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นแท็งค์ที่แข็งแกร่ง รับดาเมจได้ และทำดาเมจได้รุนแรงด้วย สามารถเข้าไปพังแนวหลังที่เป็นพวกฮีโร่ตัวบางๆ อย่าง แครี่ หรือ เมจ ได้สบายๆ แถมยังมีโอกาสฆ่าได้อีกด้วย ดังนั้น แนวทางการเล่นก็อาจจะแตกต่างจากการเล่นแท็งค์เพียวๆ ไปสักหน่อยนะครับ
ทริคการเล่น Toro สาย Nature’s Rage
1. กะจังหวะในการกดใช้สกิลเพื่อเรียกใช้พลังแฝง Nature’s Rage ให้ดีๆ ควรใช้ในจังหวะที่เหมาะสม เพราะพลังแฝงนี้ก็มีเวลาในการคูลดาวน์เหมือนกันนะครับ ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ (คูลดาวน์ 20 วินาที)
สกิล 1 หรือ อัลติเมทสกิล ของ Toro สามารถทำให้พลังแฝง Nature’s Rage ทำงานได้ ดังนั้น ควรเลือกใช้สกิลพวกนี้ให้ดีๆ อย่าใช้พร่ำเพรื่อ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราต้องการใช้พลังแฝงจริงๆ มันจะติดคูลดาวน์ ซึ่งถ้าเทียบความบ่อยในการใช้แล้ว สกิล 1 นี่ถือว่า เป็นตัวที่จะทำให้พลังแฝง Nature’s Rage ทำงานเป็นหลักเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ควรเลือกใช้กับเป้าหมายที่เหมาะสม เพื่อให้เราสามารถใช้พลังแฝง Nature’s Rage ออกมาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเองครับ
2. เมื่อเข้าแล้วก็ต้องเข้าให้สุด คือ เมื่อพลังแฝงนี้ทำงาน ก็ต้องเอาตัวเข้าไปแนบกับศัตรูนานๆ ถึงจะดี เพื่อให้ศัตรูโดนดาเมจเผารอบตัวและโดนลดเกราะเวทจากพลังแฝง Nature’s Rage นี้เข้าไปเต็มๆ ไม่ใช่เข้าไปคอมโบสกิลใส่แล้วก็รีบหนีออกมาทันที แบบนั้นไม่ได้นะครับ ต้องคำนวณดาเมจและระยะเวลาให้ดีว่า Toro ยืนไหวแค่ไหน จังหวะไหนที่ต้องรีบออก เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตาย ตรงนี้ผู้เล่นต้องรู้และเข้าใจด้วยนะครับ
3. Toro สายนี้ เหมาะกับเกมที่ทีมเรามีตัวทำดาเมจเวทแรงๆ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่า พลังแฝง Nature’s Rage ไม่ได้มีดีแค่การเผาด้วยดาเมจเวทรอบตัวเท่านั้น แต่มันยังมีผลในเรื่องการลดเกราะเวทของศัตรูด้วย ดังนั้น มันจะมีประโยชน์กับทีมเป็นอย่างมากถ้า Toro เข้าไปคอมโบสกิลจนพลังแฝงทำงานแล้วเมจตามเข้าไปคอมโบสกิลเติมดาเมจด้วย จะทำให้ศัตรูโดนดาเมจเวทแรงขึ้น และปิด Kill ได้อย่างรวดเร็ว
4. มุ่งเน้นการโจมตีไปที่พวกตัวบางๆ ก่อนเสมอ หลักการข้อนี้ไม่ต่างจากการเล่นซัพพอร์ตตัวอื่นๆ คือ หน้าที่ของ Toro ไม่ใช่การไปยืนตีกับแท็งค์ฝั่งตรงข้าม แต่เป็นการโซนพื้นที่ และหาจังหวะเปิดไฟต์ ซึ่งการเปิดไฟต์ที่ดีที่สุดก็คือ การเข้าไปเล่นงานแนวหลังของฝั่งตรงข้ามก่อน นั่นคือ แครี่ และ เมจ ฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะแครี่ มันบอบบางมากๆ แม้แต่แท็งค์ที่ตัวหนาๆ อย่าง Toro ที่ไม่มีดาเมจ ก็สามารถไล่ฆ่าได้ด้วยดาเมจเวทจากสกิล 2 และเกราะไฟ ก็เผาให้แครี่ตายได้ง่ายๆ แล้ว
การที่ Toro เข้าไปเปิดไฟต์ใส่แครี่และเมจฝั่งตรงข้าม จะทำให้แผนการเข้าไฟต์ของฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนไป จากที่ต้องเป็นฝ่ายบุก กลับกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ และต้องรีบวิ่งไปช่วยป้องกันแครี่ที่โดน Toro เข้าไปโจมตีใส่ กลายเป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนเราได้เข้ามาโจมตีใส่ศัตรูได้ฟรีๆ เพราะศัตรูจะโจมตีด้วยสกิลต่างๆ ที่มีเข้าใส่ Toro เพื่อเป็นการปกป้องแครี่ พูดง่ายๆ ก็คือ เสียสกิลสำคัญให้กับ Toro ไปแล้วนั่นเอง ทำให้จังหวะนั้น เพื่อนในทีมของ Toro สามารถเข้ามาโจมตีฟรี และไล่ฆ่าศัตรูได้ง่ายขึ้น และนั่นทำให้ฝ่ายของ Toro ชนะไฟต์ได้ง่ายๆ นั่นเองครับ นี่แหละคือเหตุผลที่ว่า ทำไม Toro ต้องเล็งที่จะเล่นงานแครี่ก่อนเป็นอันดับแรก
จากที่ผม สอนเล่น Toro RoV สาย Nature’s Rage มาจนถึงตรงนี้ จะเห็นได้เลยว่า การเล่น Toro สายนี้ มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีดาเมจที่รุนแรงมากกว่าสาย Explosive Shield ทั่วๆ ไป เหมาะกับการเล่นทั้งแบบ Solo ตัวคนเดียว และการเล่นแบบกดเป็นตี้ หรือ กดเป็นทีม 5 คน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเล่น Toro สายนี้ประสบความสำเร็จ ผู้ที่เล่นก็ต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นจากที่เคยเล่นแบบสายแท็งค์เพียวๆ อย่าง Explosive Shield ต้องปรับมาเล่นด้วยสไตล์การเล่นแบบไฟต์เตอร์นิดๆ เพื่อใช้ประโยชน์จาก Nature’s Rage ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มต่างๆ ในเกม ROV ได้ง่ายๆ ภายในเว็บนี้ ด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา ที่ปุ่มแว่นขยายมุมขวาบน ใส่ชื่อ ฮีโร่ หรือ ไอเท็ม เป็นภาษาอังกฤษเหมือนในเกม ROV ได้เลย แล้วมันจะแสดงผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มนั้นๆ ที่คุณต้องการรู้ออกมาเองครับ
อ่านจบแล้วก็อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ แสดงความเห็น และดูคลิปแนวทางการเล่นอีโร่ ROV ทุกตัว ได้ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand Return กันด้วยนะครับ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น และเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ที่เขียนมานั้น เวลาเอาไปเล่นจริงๆ มันต้องนำไปใช้อย่างไร แล้วเมื่อคุณเข้าใจ ฝีมือในการเล่นของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอนครับ
