หลังจากที่ The Joker ได้ถูก Remake สกิลใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความเก่งกาจของฮีโร่หลายๆ ตัวในปัจจุบัน ก็ทำให้แนวทางการเล่นของ The Joker เปลี่ยนไปพอสมควร หลายคนที่เคยชอบเล่น The Joker อาจจะไม่เข้าใจ และยังเล่นแบบสไตล์เดิมๆ อยู่ รวมทั้งพวกเพื่อนร่วมทีมก็ไม่เข้าใจ และคิดว่า The Joker มันแรง หรือ คอมโบเดียวแตกได้เหมือนเมื่อก่อน Burst Damage รุนแรงแบบตูมเดียวหาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไป แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ ดังนั้น วันนี้ผมก็เลยจะเอา สูตรการเล่น The Joker ROV มาแนะนำกันให้ได้ศึกษา และได้เข้าใจกัน ไม่จำเป็นว่า นี่เป็นเรื่องเฉพาะของคนที่เล่น The Joker เท่านั้น คนที่ไม่ได้เล่น The Joker ก็ต้องทำความเข้าใจเอาไว้ด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า เวลาเจอ The Joker อยู่ในทีมเรา หรือ อยู่ทีมฝั่งตรงข้าม จะเล่นด้วย หรือจะแก้ทางได้อย่างไร
สูตรการเล่น The Joker ROV : แนวทางการเล่นในแพทช์ปัจจุบัน
ก่อนอื่นเลย เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องของ รูน ไอเท็ม และพลังแฝงนะครับ เพราะเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แนวทางการเล่นของ The Joker มันเปลี่ยนไปอย่างไร เราจะได้ปรับ รูน ไอเท็ม และพลังแฝง ให้เข้ากับมัน
เรื่องแรกที่ต้องรู้ก็คือ Passive หรือ สกิลติดตัวของ The Joker เปลี่ยนไป ไม่ได้แรงขึ้น แต่เบาลงนะครับ อันนี้หมายถึง เบาลงในช่วงต้นเกม เพราะดาเมจมันจะคิดจาก % ของ HP ปัจจุบันของเป้าหมาย ซึ่งต้นเกม เป้าหมายมี HP น้อยอยู่แล้ว ดังนั้น ดาเมจต้นเกมของ Passive มันจะเบา รวมทั้งอัลติดาเมจก็จะเบาไปด้วยเช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือ The Joker ในแพทช์นี้ จะไม่ใช่ตัวทำ Burst Damage อีกต่อไปแล้ว แต่มันจะกลายเป็นแครี่ประเภท DPS หรือ แครี่ตีเร็วไปนั่นเองครับ
ดังนั้น ต้นเกม ดาเมจของ The Joker จะเบามาก เหมือนแครี่ประเภท DPS ทุกตัวที่จะเก่ง และแรงมากๆ ในช่วงเลทเกม หรือ มีไอเท็มเยอะๆ เมื่อไหร่ ก็จะยิงได้แรงมากขึ้นตามนั้น แต่การจะ Build ให้ The Joker กลายเป็นสายยิงเร็ว ออกของคริล้วนๆ มันก็ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ เพราะ Passive ของ The Joker มีแค่ 5 นัด (ซึ่งสามารถติดคริติคอลได้) ดังนั้น เราจึงควรออกไอเท็มคล้ายๆ กับแบบเดิม แต่เพิ่มเติมคือ การปรับแต่งรูน และพลังแฝงเล็กน้อย บวกกับสไตล์การเล่นที่เปลี่ยนไป ก็จะทำให้การเล่น The Joker ในแพทช์นี้ สนุกมากขึ้นกว่า The Joker ในแพทช์ก่อนๆ แน่นอนครับ
ทริคสำคัญก็คือ ต้องเก็บ Passive หรือ สะสมกระสุนให้ The Joker มีไว้ใช้ตลอดเวลา ซึ่งจะได้จากการกดใช้สกิลต่างๆ ของ The Joker นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นสกิล 1, สกิล 2 หรือ อัลติ ซึ่งโดยหลักๆ แล้ว นิยมเก็บจากสกิล 1 กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะติดการเล่นแบบเดิมๆ นั่นคือ เก็บอัลติไว้ Last Shot หรือเอาไว้ปิดงาน เพราะมันแรงที่สุด
ความคิดแบบนั้น ต้องปรับเปลี่ยนนะครับ เพราะ The Joker แพทช์นี้ ถูกปรับขึ้นมาให้ อัลติ คูลดาวน์เร็วมากๆ และดาเมจรู้สึกได้เลยว่า ลดลงไปพอสมควร ดังนั้น วัตถุประสงค์สำคัญของ อัลติ The Joker ก็คือ เอาไว้เพิ่มกระสุนทันที 3 นัดนั่นเองครับ พูดง่ายๆ คือ ถ้าเราใช้กระสุนที่มีโจมตีใส่ศัตรูจนหมดแล้ว และต้องการกระสุนเพิ่มทันทีเพื่อทำดาเมจต่อเนื่อง ก็ต้องใช้อัลติ แล้วจะได้รับกระสุนเพิ่มมาทันที 3 นัดเลยครับ หรือคิดง่ายๆ ถ้าไม่มีกระสุนเลย แค่ใช้สกิล 1 ให้โดนศัตรู (ได้กระสุน 2 นัดทันที) และ ใช้อัลติใส่ศัตรู (ได้กระสุน 3 นัด) แค่นี้ก็จะทำให้ The Joker มีกระสุนเต็ม 5 นัดทันทีแล้วล่ะครับ
ซึ่งถ้าเราคิดคอมโบแบบเต็มสูบ แบบที่ล้มแท็งค์ได้เต็มๆ ก็คือ สะสมกระสุนให้ครบ 5 นัดไว้ก่อน จากนั้นพอเจอเป้าหมาย จะแท็งค์หรืออะไรก็ได้ (แต่แพทช์นี้ The Joker คือ ตัวล้มแท็งค์ชั้นดีเลยทีเดียวล่ะ เพราะดาเมจจาก Passive คิดจาก % ของ HP เป้าหมายปัจจุบัน ยิ่งเป้าหมายมี HP มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดนดาเมจแรงมากเท่านั้น และมันติดคริติคอลได้ซะด้วย) จากนั้น โจมตีด้วยกระสุนพิเศษให้หมดทั้ง 5 นัด ในระหว่างนั้น ก็ใช้สกิล 1 ยิงไปด้วย และพอกระสุนมีที่ว่างมากกว่า 3 นัด ก็ให้ใช้อัลติ ก็จะได้กระสุนยิงต่อเนื่องโดยรวมทั้งหมด 10 นัดเต็มๆ นะครับ เหตุผลที่บอกว่า อย่าเพิ่งรีบใช้สกิล 1 และอัลติ ก็เพราะว่า ถ้ากระสุนมันเต็ม มันจะไม่ทบกระสุนสะสมเก็บไว้ให้นะครับ เต็ม 5 ก็คือ เต็ม 5 ถ้ามีเพิ่มอีก มันก็จะไม่สะสมไว้ให้ ดังนั้น ก่อนใช้สกิล 1 ให้ยิงไปก่อน 2-3 นัด และก่อนใช้อัลติ ให้ยิงไปก่อน 3-4 นัด (เหตุผลที่ต้องเพิ่มพื้นที่ไว้พิเศษอีก 1 นัด เพราะว่า กระสุนมันจะ Reload ทุกๆ 10 วินาที ก็เผื่อไว้เวลามัน Reload มาเอง แล้วได้แถมอีก 1 นัด จะได้ไม่เสียของไง) ซึ่งถ้าคอมโบได้เต็มชุดแบบนี้ บอกเลยว่า ตายหมดครับ จะตัวไหนมาก็ตายหมดแน่นอน
ที่ต้องทำความเข้าใจกับทริคนี้ ก็เพราะว่า การเล่น The Joker จะถือกระสุนพิเศษ หรือ Passive เอาไว้ในมือแบบเมื่อก่อน แล้วเอา สกิล 1 ยิงเคลียร์ครีปอย่างเดียวแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว มันต้องยิงกระสุน 5 นัดพวกนี้นี่แหละ ใส่ครีป เพื่อทำให้เคลียร์ครีปได้เร็วขึ้น พอใช้ไปกระสุนก็หมด ก็เลยต้องรู้ว่า เราจะเติมกระสุนพวกนี้ทันทีก่อนเข้าไฟต์เพื่อสู้กับฮีโร่ฝั่งตรงข้ามอย่างไร ไม่ต้องรอเวลาทุก 10 วินาทีให้กระสุนมัน Reload เองหรอกครับ แบบนั้นไม่ทันกิน มันต้องรู้วิธีเติมกระสุนพิเศษ หรือ Passive ให้ The Joker มีไว้ยิงตลอดเวลาด้วย
เพิ่มเติมทริคเล็กน้อย จังหวะการใช้อัลติของ The Joker ที่สำคัญมากๆ ก็คือ ใช้ตอนที่ตัวล้วงเข้ามาประชิดตัว เพราะเมื่อเรากดใช้ มันจะเป็นการดีดให้ The Joker ถอยห่างออกมาจากตัวล้วงได้ ตรงนี้ทำได้จริงและสำคัญมากๆ เพราะเมื่อใช้อัลติ ดีดตัวเองออกมาจากตัวล้วง ก็จะมีกระสุนพิเศษ 3 นัดให้ยิงใส่ศัตรูได้ด้วย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนอาจจะจินตนาการเลยว่า The Joker มันเป็นแครี่ที่น่าเล่นและเก่งมากๆ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า เมื่อ The Joker ถูกปรับให้เป็นแครี่สาย DPS แบบนี้ ดังนั้น จังหวะการคอมโบสกิลของมัน จะไม่ได้รุนแรงแบบตูมเดียวหาย และไม่ได้ใช้เวลารวดเร็วแบบเมื่อก่อน แต่มันจะต้องใช้เวลาในการยืนยิงสักพัก เหมือนแครี่สาย DPS ทั่วๆ ไป นั่นแปลว่า การจะเล่น The Joker ในแพทช์นี้ให้เก่ง และโหด ต้องมีแท็งค์ หรือ ซัพพอร์ต ยืนค้ำให้ เปิดไฟต์ให้ หรือ ล่อซื้อสกิลให้ เหมือนแครี่สาย DPS ทั่วๆ ไปทุกตัว ถ้าหยิบพวกโรมมิ่งสายดาเมจที่ยืนไม่ได้มา จะทำให้ The Joker ไม่มีเวลายิงกระสุนออกไปทั้งหมด และคอมโบสกิลต่างๆ เพื่อเติมกระสุนได้
ถ้าหากใช้วิธีการเล่น The Joker แพทช์ก่อนๆ มาเล่นกับ The Joker แพทช์ปัจจุบัน จะมีปัญหาแน่นอน เนื่องจากดาเมจมันจะเบาลง คอมโบสกิลแบบเดิมได้ แต่ดาเมจจะไม่แรง และช่วยทีมได้น้อย สู้การเล่นสายคริติคอลแบบที่ผมแนะนำ และเล่นแบบ แครี่สาย DPS มีตัวยืนค้ำให้ จะทำให้เล่นได้ง่ายมากขึ้น
ข้อดีของ The Joker สายนี้ก็คือ เล่นง่าย ให้อารมณ์แบบ แครี่หลายๆ ตัวผสมผสานกัน คือ ยิงกระสุนพิเศษได้ 5 นัด และ มีสกิล 1 ที่ยิงไกลๆ ได้เหมือน Elsu แถมยิงทะลุได้ทุกตัวอีกด้วย มันทำให้การเล่น The Joker ง่ายขึ้นมากๆ มากกว่าแครี่สาย DPS ตัวอื่นๆ ด้วยนะครับ เพราะมันมีสกิล 2 ที่ป้องกันการโจมตีแบบกายภาพได้ ซึ่งก็นำมาสู่เรื่องของ จุดอ่อนสำคัญของ The Joker ในข้อต่อไป
สำหรับสกิล 1 ของ The Joker ถือเป็นอีกหนึ่งสกิลที่จำเป็นต้องใช้บ่อยๆ นะครับ ยิงโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง อย่าไปเครียดครับ เพียงแต่ช่วงแรกๆ มันจะเปลืองมานาสักหน่อยครับ ต้องหลังจากเลเวล 8 ไปแล้ว ก็จะมีมานาเพียงพอกับการสแปมสกิล 1 ได้แบบรัวๆ เรื่อยๆ และต้องบอกว่า สกิล 1 ของ The Joker มันแรงนะครับ ตอดเลือดได้จากระยะไกล พวกแท็งค์อาจจะไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่พวกตัวบางๆ นี่ โดนเข้าไปเจ็บหมดนะครับ ดังนั้น พยายามใช้โจมตีจากระยะไกลเพื่อทำให้ศัตรูเสีย HP ให้มากที่สุดก่อน นี่แหละคือ จุดเด่นของ The Joker ที่น่ากลัวพอๆ กับ Elsu เลยทีเดียว
จุดอ่อนสำคัญของ The Joker ก็เหมือนเดิมครับ เป็นแครี่ขาตาย และความแรงในช่วงต้นเกม มันหายไปหมดแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน แถมสกิล 2 ก็ยังป้องกันได้แต่ดาเมจกายภาพ ดังนั้น The Joker จะแพ้ทางพวกเมจที่ทำดาเมจเวท โดยเฉพาะเมจที่เป็นตัวล้วงแรงๆ แบบ Burst Damage ชุดเดียวหาย เช่น Keera, Paine, Raz, Zata พวกนี้ The Joker จะแพ้ทางเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ ถ้าเจอเมจพวกนี้ The Joker จะเล่นได้ยากมากๆ ก็ให้ระวังเอาไว้ด้วยนะครับ
สูตรการเล่น The Joker ROV : รูน ไอเท็ม พลังแฝง
สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปก็คือ รูนของ The Joker ครับ จากเดิมที่เราเคยนิยมใช้แบบ เจาะเกราะ +100 หรือ ห้อยคริบ้าง ก็จะเปลี่ยนไป เป็นรูนคริติคอลเรท +16% แทนนะครับ เพื่อเน้นให้เกิดคริติคอลจากการโจมตีบ้าง ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า Passive ของ The Joker มันสามารถติดคริติคอลได้ เราจึงควรใช้เป็น คริติคอลเรท +16% น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว (Rage 10 / Spirit 10 / Dragon’s Claw 10) สำหรับบางคนที่อยากจะเปลี่ยน Spirit เป็น Assassinate อันนี้ไม่แนะนำนะครับ เพราะจะทำให้ The Joker โจมตีช้าเกินไป มันทำให้การยิงกระสุนพิเศษระหว่างนัดมันค่อนข้างช้าเกินไปครับ
สำหรับไอเท็ม ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากที่เคยเป็นนะครับ เพียงแต่จะเน้นความเป็นคริติคอลมากยิ่งขึ้น และออกให้มีความคล้ายกับแครี่สาย DPS มากขึ้น แค่นั้นเองครับ
สำหรับคำถามที่หลายคนอาจจะสงสัยว่า แพทช์นี้ The Joker ใช้ Fafnir’s Talon ได้มั้ย จะได้เพิ่มการทำดาเมจเป็น % HP ของเป้าหมายมากขึ้นไปอีก คำตอบคือ ได้ครับ แต่มีเงื่อนไขอยู่ 2 อย่างที่ต้องเข้าใจก็คือ เรื่องแรกก็คือ เราไม่ได้ต้องการความเร็วในการโจมตีมากขนาดนั้นสำหรับ The Joker คือ การเล่น The Joker มันเป็นการเล่นแบบ ใช้สกิลผสมผสานกับการโจมตีแบบปกติ คือ ใช้สกิลเพื่อสะสมกระสุนพิเศษ แล้วยิงใส่เป้าหมาย ดังนั้น มันไม่ได้ต้องการการตีเร็วขนาดนั้น และดาเมจของ Fafnir’s Talon มันค่อนข้างที่จะน้อยเมื่อเทียบกับไอเท็มโจมตีชิ้นอื่นๆ และเรื่องที่สองก็คือ ถ้าจะออกจริงๆ ก็ควรไปออกช่วงเลทเกม เพราะอย่างที่รู้ Passive ของ Fafnir’s Talon นั้น มันคิดจาก % HP ของเป้าหมาย ดังนั้น การใช้ในช่วงเลทเกม จะมีผลมากที่สุด เพราะศัตรูส่วนใหญ่จะมี HP สูงมากๆ ในช่วงเลทเกม ไม่ควรออกในช่วงต้นเกม เพราะดาเมจเพิ่มเติมที่ได้มา มันค่อนข้างที่จะเบาเกินไปนั่นเองครับ
และอีกคำถามสำคัญก็คือ Omin Arms ไปไหน? ผมเปลี่ยนมาใส่เป็น Bow of Slaughter แทนครับ เพราะอย่างที่บอก The Joker ไม่ได้เน้นการทำ Burst Damage แบบชุดเดียวตายอีกแล้ว ดังนั้น Omni Arms ไม่ได้จำเป็นสักเท่าไหร่ เพราะมันถูกเอาการดูดเลือดออกไปแล้ว และถ้า The Joker ไม่มีการดูดเลือด จะยืนยิงไม่ไหวครับ การใช้ The Beast ก็ไม่ค่อยคุ้มค่า เพราะเราอยากได้อัตราคริติคอลด้วย ดังนั้น Bow of Slaughter จึงเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุดแล้วสำหรับเซ็ตนี้ครับ
พลังแฝงสำหรับ The Joker บางคนอาจจะชอบใช้ Forest Wanderer หรือ Endless Cycle ก็ไม่ผิดนะครับ แต่สำหรับการเล่นตามสูตรที่ผมเอามาแนะนำนี้ อยากให้ลองใช้เป็น Holy Summoner ดูครับ เพราะยังไงซะการเล่น The Joker ในแพทช์นี้ต้องยิงเกิน 3 นัดอยู่แล้ว ดังนั้น ถึงแนะนำให้ใช้พลังแฝงนี้ จะช่วยเพิ่มดาเมจจริงเข้าไปอีก ทำให้ DPS ของ The Joker เพิ่มขึ้นแบบชัดเจนแน่นอนครับ
เป็นยังไงบ้างครับ ผมเชื่อว่า หลังจากที่ทุกคนได้อ่าน สูตรการเล่น The Joker ROV จะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับสไตล์การเล่น หรือ แนวทางการเล่นของ The Joker ในแพทช์ปัจจุบันแน่นอน ว่ามันมีความแตกต่างจาก The Joker ในแพทช์เดิมอย่างไร เราไม่สามารถเล่นแบบเดิมได้แล้วนะครับ เพราะดาเมจมันจะขาดหายไป และการจะเล่น The Joker ให้โหด ก็ต้องมีปัจจัยสำคัญเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของ ตัวยืนค้ำที่จะเปิดไฟต์ และค้ำให้ The Joker ได้ยิงฟรี และ ต้องไม่ใช่ฮีโร่ที่ The Joker แพ้ทาง ก็จะทำให้การเล่นของ The Joker มันง่าย และสนุกมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มต่างๆ ในเกม ROV ได้ง่ายๆ ภายในเว็บนี้ ด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา ที่ปุ่มแว่นขยายมุมขวาบน ใส่ชื่อ ฮีโร่ หรือ ไอเท็ม เป็นภาษาอังกฤษเหมือนในเกม ROV ได้เลย แล้วมันจะแสดงผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มนั้นๆ ที่คุณต้องการรู้ออกมาเองครับ
อ่านจบแล้วก็อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ แสดงความเห็น และดูคลิปแนวทางการเล่นอีโร่ ROV ทุกตัว ได้ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand Return กันด้วยนะครับ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น และเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ที่เขียนมานั้น เวลาเอาไปเล่นจริงๆ มันต้องนำไปใช้อย่างไร แล้วเมื่อคุณเข้าใจ ฝีมือในการเล่นของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอนครับ
