แอนตี้ไวรัส ตัวไหนที่ไว้ใจได้มากที่สุด ใช้ดีจึงบอกต่อครับ

แอนตี้ไวรัส ( Antivirus ) ในปัจจุบัน ยังคงมีความจำเป็นอย่างมาก ที่ต้องติดตั้งเอาไว้ ใน PC ส่วนใน Smartphone และ Tablet นั้น ผมยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า มันสามารถป้องกันได้จริงๆ เพราะมันเป็นเรื่องยากมากๆ ครับ ที่จะป้องกัน จะเรียกได้ว่า Android ค่อนข้างที่จะอ่อนแอต่อ ไวรัส หรือมัลแวร์ ที่มาในรูปแบบของ Javascript มากๆ ครับ คือ จากที่ผมได้ลองติดตั้ง แอนตี้ไวรัส ในมือถือ สมาร์ทโฟน แล้ว ก็ไม่พบว่า มันจะมีประโยชน์ หรือช่วยป้องกันอะไรได้เลย สุดท้าย ผมก็โดนมัลแวร์ ที่มาจาก การท่องเว็บต่างๆ อยู่ดี แต่สำหรับใน PC นั้น ผมบอกได้เลยว่า ยังคงมั่นใจ และสามารถไว้วางใจ ได้ 100% สำหรับ Antivirus จากค่ายอื่น ผมไม่รู้ แต่สำหรับค่ายนี้ ที่ผมจะแนะนำ ผมเชื่อมั่น 100% ครับ เพราะผมได้ทำการทดสอบ และลองใช้งานมานานหลายปีแล้ว ประทับใจมากๆ ไม่พบว่า มีมัลแวร์ หรือ Spamware ตัวไหน ทะลุมาได้เลยครับ ป้องกันได้ดีมากจริงๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับ การใช้งานของผู้ใช้งานด้วยนะครับ ว่าป้องกันตัวเองด้วยหรือไม่ มีพฤติกรรม ที่มีความเสี่ยงมากแค่ไหน อย่างบางคน ติดตั้งแล้ว ก็เอาแต่ เล่นเว็บโป๊ หรือไม่ก็ เอา Flash Drive ของใครก็ไม่สนใจ เอามาเสียบต่อหมด แบบนี้ ต่อให้มี Antivirus ระดับเทพเจ้า ก็ป้องกันไม่ได้ครับ แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ Mac เลยดีกว่าครับ ปลอดภัยสุด ถ้ายังมีพฤติกรรมเสี่ยงแบบนั้น

AVG Internet Security สุดยอด แอนตี้ไวรัส ที่ดีที่สุด (สำหรับผม)

ผมเริ่มใช้ AVG Antivirus มาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ที่อเมริกา ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ผมจึงได้เปลี่ยน Antivirus ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ McAfee, NOD32, Avira, Avast และสุดท้าย ก็มาจบที่ AVG เหตุผลหลักๆ ก็ได้แก่

จากการที่ผมได้ทดสอบ ทำการสร้างตัวไวรัส หรือมัลแวร์ เพื่อใช้เจาะระบบ หรือ แฮกคอม อย่างที่รู้จักกันว่า Payload ผลปรากฏว่า จากการทดสอบ มีเพียง AVG เท่านั้น ที่จับได้ว่า ไฟล์ที่ผมแอบสร้างขึ้นมา มีการสอดไส้ ใส่มัลแวร์เอาไว้ เพื่อใช้สำหรับแฮก ส่วนตัวอื่นๆ จับไม่ได้ครับ น่าประทับใจมากจริงๆ กับการตรวจจับของ AVG

จากการใช้งานมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเว็บที่มีความเสี่ยงอย่างเช่น เว็บโป๊ หรือเว็บที่มีการติดโฆษณาเยอะๆ หรือ การติดตั้งโปรแกรมเถื่อน ที่มีการ crack พบว่า AVG สามารถป้องกัน โดยการตรวจจับ และลบไฟล์ต้องสงสัยหมดทุกตัว ทำให้คอมของผม ปลอดภัยจากการติดไวรัส และยังป้องกันการส่งข้อมูลกลับออกไป ของ Spyware ต่างๆ ด้วย Firewall อีกด้วย

ในปัจจุบัน AVG ได้เปลี่ยนจากชื่อ AntiVirus มาเป็น Internet Security เนื่องจากมีการผสมผสาน ระหว่าง แอนตี้ไวรัส และระบบ Firewall รวมทั้ง ระบบตรวจจับ เพื่อป้องกัน Spyware ต่างๆ ที่จะมาทางเว็บบราวเซอร์ เวลาที่เราท่องอินเทอร์เน็ต โดยมี Online Shield และ Link Scanner คอยช่วยตรวจสอบ หากตรวจพบก็จะ Block เอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย ของผู้ใช้งาน อย่างพวกตัว Crack โปรแกรมเถื่อนทั้งหลาย โดนหมดครับ

จุดเด่นของ AVG อยู่ตรงที่ ความละเอียด ความเสถียร และความถูกต้องในการทำงาน รวมทั้ง การอัพเดต ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่ม Definition ขึ้นมาเรื่อยๆ แทบจะทุกสัปดาห์ เพื่อให้ทัน ต่อมัลแวร์ต่างๆ ที่ถูกพัฒนาและตรวจพบขึ้นมา คือต้องบอกว่า พี่แกขยันอัพเดตตัวเองมากๆ ครับ อัพเดตบ่อยมากๆ ส่วนเรื่องของการกินพื้นที่หน่วยความจำ หรือ RAM นั้น ก็ต้องบอกว่าทาง AVG ทำออกมาได้ดีครับ ในเวอร์ชั่นแรกๆ อาจจะกิน RAM พอสมควร แต่มาในเวอร์ชั่นหลังๆ ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา รู้สึกว่า ตัวโปรแกรมใช้ RAM น้อยลง ทำงานได้ไวขึ้น และรบกวนการทำงาน และตอนที่โหลดโปรแกรมต่างๆ ในช่วง Startup เปิดเครื่องใหม่ๆ น้อยลงมากๆ เรียกได้ว่า ไม่หน่วงเลยครับ

จากการใช้งานทุกวันนี้ ผมมั่นใจใน AVG มากครับ และไม่ได้ติดตั้ง MalwareByte เพิ่มเข้ามาแต่อย่างใด ( เมื่อก่อน ผมจะติดตั้งเอาไว้ตลอด เพราะไม่ค่อยมั่นใจ ) แค่มี AVG Internet Security ตัวเดียว จบครับ และไม่ได้กินหน่วยความจำมากสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมี แอนตี้ไวรัส ที่แข็งแกร่ง และดีมากแค่ไหน สุดท้าย ก็อยู่ที่พฤติกรรม การใช้งานของผู้ใช้อยู่ดี ว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยง ที่จะทำให้ คอมของตัวเอง ติดไวรัส ได้ง่ายแค่ไหน ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมเอง ไม่เคยอนุญาตให้ใครเอา แฟลชไดร์ฟ ที่ไม่ใช่ของผม มาเสียบเป็นอันขาด หากต้องการส่งไฟล์ ก็ให้ส่งมาทางอีเมล หรือฝากไฟล์กับเว็บฝากไฟล์เอา เพราะมัลแวร์ในทุกวันนี้ แทบจะทุกตัว สามารถขยายตัว หรือติดต่อได้ทาง USB port แล้วนะครับ หากไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ก็ให้ใช้ การส่งไฟล์ผ่าน WiFi อย่างที่ผมแนะนำไปแล้ว จะดีที่สุดครับ