และแล้ว การปรับแพทช์ใหม่ของเกม ROV ก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่เข้าสู่ซีซั่น 18 มาได้ไม่นาน การปรับแพทช์คราวนี้ของ ROV แพทช์ 29 มี.ค. 64 ต้องบอกว่า ค่อนข้างที่จะน่าประทับใจเอาเรื่องทีเดียวครับ คือ มีการปรับฮีโร่เก่าๆ หลายๆ ตัว ให้กลับมาเล่นได้สนุกมากขึ้น ทันตามกระแสที่พวก META ในตอนนี้ออกมาโลดแล่นในแร็งค์กันจนแบบว่า น่าเบื่อ!!! ใช่ครับ มันคือ การหยิบแต่ฮีโร่ตัวเดิมๆ มาเล่น จนซ้ำซาก และรู้วิธีแก้ทางได้แบบง่ายๆ หมดแล้ว แต่การปรับแพทช์คราวนี้ จะทำให้เกม ROV เล่นได้สนุกมากขึ้น เพราะจะมีฮีโร่ตัวเก่าหลายๆ ตัว กลับมาประจำการในแร็งค์อีกครั้งนึง มีตัวเลือกในการหยิบมาเล่นที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกมมีรสชาติมากขึ้นนั่นเองครับ
ROV แพทช์ 29 มี.ค. 64 ปรับสมดุลฮีโร่ 13 ตัว มีอะไรบ้าง?
Riktor (เนิฟ)
Skill 1：Jungle Strike
ดาบสีส้ม (อยู่บนดิน) ป้องกันความเสียหาย：15%+1%/เลเวล -> 15%+2%/เลเวล
ดาบสีเขียวในพุ่มไม้：ระยะโจมตี 3.5m จากทางด้านหน้า และ 0.7 m จากทางด้านหลัง -> 3 m จากทางด้านหน้า, 1 m จากทางด้านหลัง，สร้างความเสียหาย 6% -> 3%+1%/เลเวล
ดาบสีฟ้าในน้ำ：ระยะการโจมตี 6.5m -> 5.5m，ความเร็วในการพุ่งไปโจมตี 25m/s -> 16.5m/s
ดาเมจจากการพุ่งไปโจมตี 40+16/เลเวล -> 20+20/เลเวล，ดาเมจจากการฟันกวาด 100+40/เลเวล -> 50+50/เลเวล
ดาเมจจากการโจมตีปกติครั้งต่อไป：0~150 -> 1.3AD
Skill 2：Retaliate
เพิ่มการสโลว์ของตัวเอง 75% ในขณะที่กำลังบล็อคการโจมตีเป้าหมาย
ระยะเวลาการชาร์จสกิล：18-0.6/เลเวล วินาที -> 18-1/เลเวล วินาที，คูลดาวน์：5 วินาที -> 5-0.6/เลเวล วินาที
ก็ต้องยอมรับเลยว่า Riktor โดนเนิฟหนักมากๆ โดเฉพาะสกิล 2 ที่นอกจากจะไม่เป็นอมตะขณะที่กำลังใช้สกิลอีกแล้ว ยังโดนเนิฟสกิล 1 อีกด้วย ทำให้ทั้งสกิล 1 และ สกิล 2 จะไปเก่งในช่วงเลทเกม พูดง่ายๆ ก็คือ เค้าเนิฟให้ Riktor ไม่เก่งในช่วงต้นเกมถึงกลางเกมอีกแล้ว จะไปเก่งและแรงอีกทีก็ช่วงเลทเกมนู่นเลย เป็นการเนิฟทำให้การหยิบ Riktor มาเล่น ไม่ได้โหดอะไรมากมายเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วนั่นเองครับ เอาจริงๆ ก็คือ การหยิบ Riktor มาเล่นในตำแหน่งโรมมิ่ง ที่ไม่เน้นเรื่องดาเมจอะไรมากมาย ก็ยังพอทำได้อยู่ครับ แต่การจะหยิบ Riktor ไปยืนออฟเลน อาจจะต้องคิดหนักหน่อย เพราะดาเมจมันหายไปเยอะมากๆ เลยทีเดียวครับ
จากการตรวจสอบพบว่า สกิล 2 ของ Riktor ยังคงเป็นอมตะอยู่นะครับ แต่จังหวะที่กดใช้ จะทำให้ตัวเองเคลื่อนที่ช้าลง 75% ไปทันที ทำให้แม้ว่า จะกดใช้สกิล 2 เป็นอมตะได้ก็ตาม แต่จะเกิดปัญหาก็คือ หนีไม่รอดจากการไล่ติดตามของศัตรู พูดง่ายๆ ก็คือ โดนเนิฟนั่นแหละครับ สรุปคือ Riktor โดนเนิฟทั้งสกิล 1 ที่ดาเมจต้นเกมจะเบาลง แต่จะไปโอเคตอนเลทเกม และสกิล 2 ที่แม้จะเป็นอมตะ แต่ขณะที่กดใช้ก็ทำให้ตัวเองเคลื่อนที่ช้าลงแบบโคตรๆ หรือ สโลว์ตัวเองไปซะงั้น ก็ทำให้การเข้าไปเปิดไฟต์ เข้าไปนัว แล้วกดใช้สกิล 2 วิ่งหนีออกมาแบบหล่อๆ ทำได้ยากแล้ว เพราะถ้าทำ จะหนีออกมาไม่ได้ และโดนรุมฆ่าตายตรงนั้นแน่นอนครับ
Aoi (บัพ)
โบนัสความเสียหายกายภาพ：120+0.35AD -> 150~220+0.45(โบนัส AD)
Skill 1：Dragon Slash
ฟื้นฟู HP：125~250+0.2AD -> 130~280+0.45(โบนัส AD)
Skill 2：Dragon Claw
ดาเมจตอนที่ชนเป้าหมาย：200~400+1.2AD ->10% HP สูงสุดของเป้าหมาย +0.6AD
ระยะเวลาการชาร์จคูลดาวน์สกิล：12~9 -> 13~9 วินาที
ปรับเพิ่มระยะเวลา 3.5 วินาที ที่สามารถลดคูลดาวน์ได้เมื่อออกจากการต่อสู้/หรืออยู่ในช่วงที่กำลังชาร์จสกิล (สามารถถูกลดคูลดาวน์ลงได้ด้วยการโจมตีปกติครั้งที่ 4)
การปรับแบบนี้ ก็เพื่อทำให้ Aoi เน้นการออกไอเท็มโจมตีเพิ่มมากขึ้น เพราะดาเมจจะแรงหรือไม่จะอยู่ที่ไอเท็มแล้วล่ะครับ ถ้าใส่ไอเท็มเพิ่มพลังโจมตีเข้าไป ก็จะทำให้ Aoi ทำดาเมจจากสกิลได้แรงมากขึ้น แต่ถ้าใส่ไอเท็มป้องกัน ดาเมจก็จะเบาลง ทีนี้ Aoi สายป้องกัน ก็จะหายไปแล้วล่ะครับ
Bright (ปรับสมดุล)
อัลติเมทสกิล：The Holy Soul Returns
แก้ไขบัคที่ทำให้ 0.5 วินาที หลังจากกดใช้อัลติแล้วทำให้ Bright เป็นอมตะ
Marja (ปรับสมดุล)
Passive：Abyssal Might
แต่ละสัญลักษณ์จะเพิ่มพลังเวทให้：10(+3 ต่อเลเวล)->15(+5 ต่อ 2 เลเวล)
Skill 1：Dark Pulse
ดาเมจเวท：375+65/เลเวล+0.5MP -> 400+65/เลเวล+0.55MP
Skill 2：Soul Devourer
ฟื้นฟู HP：180+60/เลเวล+0.35MP+5% ของ HP ที่เสียไป ->180+45/เลเวล+0.4MP+5% ของ HP ที่เสียไป
อันนี้ก็เป็นการปรับเพื่อให้ Marja เก่งขึ้นในช่วงต้นเกมถึงกลางเกม เพราะที่ผ่านมา แม้จะปรับให้ Marja เก่งขึ้น แต่มันจะเก่งขึ้นมากจริงๆ ในช่วงเลทเกม แต่ต้นเกมถึงกลางเกมจะเล่นได้ยากมากๆ ดังนั้น การปรับสมดุลแบบนี้ จะทำให้ Marja เล่นได้ง่ายขึ้นในช่วงต้นเกม ถึงกลางเกมนั่นเอง รวมทั้งมีการปรับให้ Marja จะเก่งมากขึ้นเมื่อใส่ไอเท็มประเภทเพิ่มพลังเวทให้กับตัวเอง เพราะเค้าได้ปรับเพิ่มตัวคูณดาเมจเวทมาให้เพิ่มขึ้นในส่วนของสกิล 2 นั่นเองครับ
Errol (บัพ)
Passive：Blood Drinker
ปรับเพิ่มความแรงของการโจมตีปกติครั้งที่ 3：1.3AD -> 1.4AD
Skill 2：Boneshaver
ดาเมจกายภาพ：200+40/เลเวล+1.5AD -> 200+40/เลเวล+1.8AD
จากการปรับแพทช์ในครั้งที่แล้ว Errol ยังไม่เก่งขึ้นอย่างที่ทางทีมงานเค้าคาดหวังเอาไว้ เลยต้องทำการปรับอีกครั้ง โดยคราวนี้จะปรับให้มันเก่งขึ้นให้มากที่สุดเลย ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นครับ คราวนี้ Errol เก่งขึ้นจริงครับ ดาเมจแรงจริงอะไรจริง กลายเป็นอีกหนึ่งออฟเลนตัวปัญหาที่น่าหยิบมาเล่นมากขึ้นกว่าเดิมอีกนะครับ
Lorion (เนิฟ)
HP Growth：315 -> 275
Skill 2：Darkness Falls
ระยะเวลาชาร์จของสกิล：13-0.8/เลเวล วินาที -> 15-1/เลเวล วินาที
คูลดาวน์：2 วินาที -> 4 วินาที
ต้องบอกว่า Lorion ที่ถูกปรับมาใหม่ให้มันคล่องตัวและว่องไวขึ้นกว่าเดิมนั้น มันเก่งเกินไปครับ เค้าเลยต้องปรับเพิ่มคูลดาวน์ของสกิล 2 เพื่อลดความคล่องตัว หรือ ความพลิ้วของ Lorion ลงนั่นเองครับ ซึ่งการจะใช้สกิล 2 ของ Lorion แต่ละครั้งก็ต้องคิดกันมากขึ้นนะครับ ว่ามันคุ้มค่าและจะมีโอกาสรอดหรือไม่ เพราะมีการปรับคูลดาวน์ให้เพิ่มขึ้นมาแบบนี้ ก็ต้องพิจารณาในเรื่องจังหวะการใช้สกิล 2 ให้มันปลอดภัยและคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิมนะครับ
The Flash (บัพ)
Skill 2：Mach Punch
เพิ่มขึ้นมาใหม่：ทำความเสียหายเพิ่มขึ้น 30% กับมอนสเตอร์ป่า
อันนี้เป็นการปรับเพื่อทำให้ The Flash เอามาเล่นในตำแหน่งฟาร์มป่าได้ง่ายมากขึ้น และฟาร์มได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่า เราจะได้พบกับ The Flash ในตำแหน่งฟาร์มป่ากันมากขึ้นแน่นอนหลังจากนี้ คอนเฟิร์มเลยครับ
Omega (เนิฟ)
Skill 1：Redeploy
คูลดาวน์：9 วินาที -> 10 วินาที
Skill 2：Veda Tech
ดาเมจจากการฟัน：25+50/เลเวล -> 25+40/เลเวล
แม้ว่าในแพทช์ก่อนหน้านี้ จะมีการเนิฟ Omega ไปบ้างแล้ว แต่โดยภาพรวม มันก็ยังเก่งเกินไปอยู่ดี ดังนั้น ทางทีมงานเลยต้องปรับให้มันเก่งน้อยลง แต่ยังคงแกร่งในเรื่องของการเป็นตัวตีป้อมอยู่นะครับ แต่จะลดดาเมจที่ทำความเสียหายต่อฮีโร่ลงบ้างครับ และทำให้มันพลิ้วน้อยลงกว่าเดิมนิดนึง ไม่ให้มันเก่งเกินไปเหมือนก่อนหน้านี้นั่นเอง
Celica (เนิฟ)
Passive：Ballistics
ปรับเพิ่มใหม่：สกิลติดตัวไม่สามารถใช้กับการโจมตีมอนสเตอร์ป่าได้ นั่นคือ การยิงใส่มอนสเตอร์ป่าตัวเล็กๆ จะไม่ถูกสะสม Stack ของสกิลติดตัวนั่นเอง
นับว่ายังเป็นโชคดีที่แครี่ตัวโปรดของผมตัวนี้ โดนเนิฟก็จริง แต่เป็นการเนิฟในตำแหน่งฟาร์มป่าเป็นหลักนะครับ สำหรับการยืนเลนก็ยังหยิบมาเล่นได้อยู่ คือ เค้าเนิฟให้มันฟาร์มป่าได้ช้าลงหน่อยนั่นเองครับ เพราะการที่สกิลติดตัวของ Celica มีผลกับมอนสเตอร์ป่า มันทำให้ Celica ฟาร์มเร็วมากเกินไปนั่นเองในช่วงกลางเกมถึงเลทเกม
Butterfly (ปรับสมดุล)
HP Growth：257 -> 300
Skill 1：Whirlwind
Cooldown：8 วินาที -> 6 วินาที
การเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่：ความเร็วจะลดลงเร็วขึ้นกว่าเดิม
Skill 2：Sword Propel
คูลดาวน์：8 -> 6 วินาที
ระยะเวลการเพิ่มความเร็วโจมตี และอัตราคริติคอล：5 -> 4 วินาที
โบนัสความเร็วโจมตี： 25~50% -> 30~60%
อัลติเมทสกิล：Backstab
ระยะโจมตี：7m -> 6.5m
ความเร็วในการพุ่งเข้าไปโจมตี：35m/s -> 20m/s
ระยะเวลการร่ายสกิล：+0.133 วินาที
แม้ว่าช่วงนี้เราจะไม่ค่อยได้เห็น Butterfly ออกมาโลดแล่นในตำแหน่งฟาร์มป่ามากนักก็ตาม แต่ความพลิ้วของมันก็ยังคงจัดได้ว่า สูงมากๆ อยู่ดีครับ ดังนั้น ทางทีมงานเลยต้องทำการปรับให้ Butterfly มันพลิ้วน้อยลงหน่อย และไปปรับเพิ่มในส่วนอื่นให้เป็นการทดแทน นั่นคือ เนิฟสกิล 1 และ อัลติ แต่ไปเพิ่มให้ในส่วนของสกิล 2 นั่นเองครับ
Toro (บัพ)
Skill 2：Battlecry
คูลดาวน์: 7 -> 6 วินาที
อัลติเมทสกิล：Cracked Earth
สโลว์：50% -> 80%
โดยภาพรวมของ Toro ถือว่า ยังไม่เก่งครับ ดังนั้นทางทีมงานเลยต้องปรับให้มันเก่งขึ้น โดยเฉพาะอัลติ บอกเลยว่า น่ากลัวมากๆ ครับ สโลว์ถึง 80% นี่ ถ้าโดนเข้าไปเต็มๆ มีสิทธิ์ก้าวขาไม่ออกได้เลยนะครับ การปรับ Toro มาครั้งนี้ จัดว่า น่ากลัวเอาเรื่องเลยทีเดียวครับ
Mortos (ปรับสมดุล)
Skill 1：Righteous Fervor
ระยะเวลาการสตั้น：0.1 -> 0.25 วินาที
คูลดาวน์：10-0.5/เลเวล วินาที -> 8-0.4/เลเวล วินาที（หลังจากโจมตีใส่เป้าหมาย หรือ สกิลหายไปเอง ถึงจะเริ่มนับคูลดาวน์）
Skill 2：Holy Guard
ดาเมจเวท：100+25/เลเวล+0.4AD+0.4MP -> 40+20/เลเวล+0.5AD+1% HP สูงสุดของตัวเอง
สกิล 2 ของ Mortos ปรับมาใหม่ซึ่งจะเก่งมากๆ ในช่วงเลทเกม นั่นคือ ไม่ต้องใช้ตัวคูณที่เป็นดาเมจเวทอีกต่อไปแล้ว (เพราะยังไงซะ Mortos ก็ไม่ออกไอเท็มเวทอยู่แล้ว) รวมทั้งยังทำดาเมจโดยขึ้นกับเปอร์เซ็นต์ HP สูงสุดของตัวเองอีกด้วย ดังนั้น การ Build ไอเท็มของ Mortos จึงจะเน้นไปทางการใส่ไอเท็มป้องกันที่เพิ่มเกราะ และ HP เป็นหลัก หรือ ใช้ไอเท็มโจมตีที่เพิ่ม HP ให้ตัวเองด้วย เช่น Spear of Longinus ถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด ตรงนี้อาจจะเรียกว่า เป็นการปรับสมดุล แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่า Mortos น่าเล่นมากขึ้นครับ กลางเกมถึงเลทเกม จะแข็งแกร่งมากๆ เลยทีเดียว
Thorne (บัพ)
Skill 1：Magic Bullet
คูลดาวน์กระสุน 3 นัด：6 -> 8 วินาที
ไม่มีระยะเวลาจำกัดของการใส่กระสุนสีม่วง 3 นัดอีกแล้ว
Skill 2：Excite
ปรับเพิ่มระยะโจมตี：7.5m -> 9m
เพิ่มมาใหม่ – การโจมตีโดนฮีโร่เป้าหมาย จะได้รับการเพิ่มความเร็ว 30% เป็นระยะเวลา 2 วินาที
อัลติเมทสกิล：Mass Annihilation
จะเริ่มนับคูลดาวน์ทันทีที่กระสุนถูกยิงออกไป
ด้วยความที่ Thorne มันเป็นแครี่ที่มีระยะการโจมตีไม่ไกลเท่าแครี่ตัวอื่น และขาด Mobility อีก จึงทำให้ช่วงต้นเกมเสียเปรียบแครี่ตัวอื่นๆ ในเลนมังกร Abyssal Dragon เป็นอย่างมาก ก็เลยต้องมีการปรับเพิ่มความพลิ้วให้กับ Thorne เพิ่มมากขึ้น และเพิ่มระยะการโจมตีให้มันมากขึ้น ซึ่งต้องบอกเลยว่า 9m นี่ ไกลมากนะครับ คราวนี้เราคงจะได้เห็นคนหยิบ Thorne มาเล่นกันเยอะมากขึ้นแน่นอน ด้วยความที่ระยะการโจมตีของมันตอนที่กดใช้สกิล 2 ไปแล้ว มันไกลมากๆ นั่นเอง
จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ในการปรับ ROV แพทช์ 29 มี.ค. 64 ครั้งนี้ มีฮีโร่ถูกปรับสมดุลมากถึง 13 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฮีโร่เก่าๆ ถูกนำมาบัพความสามารถให้เก่งขึ้น เช่น Toro, The Flash, Mortos ซึ่งมีบางตัวที่เก่งขึ้นแบบโดดเด่นเลยทีเดียว เช่น Mortos เป็นต้น ในขณะที่ฮีโร่หลายๆ ตัวที่ติด META ก็โดนเนิฟหนักเอาเรื่อง เช่น Riktor แต่อย่างไรก็ตาม Aoi ก็ยังคงได้รับการบัพความสามารถให้เก่งขึ้นอีก เดิมทีมันก็เก่งอยู่แล้ว ยิ่งปรับมาแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้คนนิยมหยิบ Aoi มาเล่นกันมากขึ้น แต่แน่นอนว่า ฮีโร่ทุกตัวมันก็มีจุดอ่อนในตัวเองอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับ Aoi ที่มีจุดอ่อนเช่นเดียวกัน ดังนั้น ไม่ต้องไปกังวลมากมายครับ เดี๋ยวผมจะเอาบทความการแก้ทาง Aoi มาแนะนำกัน จะได้เข้าใจว่า Aoi มันเก่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะเก่งจนปราบไม่ได้ และทำให้ทีมเราสู้ไม่ได้เลยซะที่ไหน ถ้าเข้าใจก็ปราบได้หมดแน่นอนครับ
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มต่างๆ ในเกม ROV ได้ง่ายๆ ภายในเว็บนี้ ด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา ที่ปุ่มแว่นขยายมุมขวาบน ใส่ชื่อ ฮีโร่ หรือ ไอเท็ม เป็นภาษาอังกฤษเหมือนในเกม ROV ได้เลย แล้วมันจะแสดงผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฮีโร่ หรือ ไอเท็มนั้นๆ ที่คุณต้องการรู้ออกมาเองครับ
อ่านจบแล้วก็อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ แสดงความเห็น และดูคลิปแนวทางการเล่นอีโร่ ROV ทุกตัว ได้ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand Return กันด้วยนะครับ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น และเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ที่เขียนมานั้น เวลาเอาไปเล่นจริงๆ มันต้องนำไปใช้อย่างไร แล้วเมื่อคุณเข้าใจ ฝีมือในการเล่นของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอนครับ
