Samsung Galaxy S6 ตัวใหม่ ลองเล่นแล้ว ลื่นมากๆ เลย

หลังจากที่ทาง ซัมซุง ประเทศไทย ได้เปิดตัว วางจำหน่าย สมาร์ทโฟน รุ่นใหม่ล่าสุด สัญชาติเกาหลี ไปหมาดๆ Samsung Galaxy S6 และ S6 Edge เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีหรือที่ geek มือถือ อย่างผม จะพลาด ไม่ไปลองสัมผัส และทดสอบความแรงของเจ้า S6 ตัวใหม่นี้ดู แน่นอนว่า งาน Thailand Mobile Expo 2015 นั้น ยังไม่เริ่มเลย จะไปร้านขายมือถือใหญ่ๆ ก็ได้เห็น แต่ไม่ได้สัมผัส เพราะไปที่ช้อปไหนๆ ก็มีแต่คนยืนเล่นเจ้า ซัมซุง กาแล็คซี่ S6 กันไม่ปล่อยวางเลย จึงเรียกได้ว่า รู้แต่สเปค แต่ยังไม่ได้สัมผัสตัวจริงสักที จนเมื่อวาน ผมได้ไปซื้อของที่ห้างขายสินค้าปลีกแห่งหนึ่ง พบว่า ที่บูธขายโทรศัพท์มือถือ ของทางห้างนั้น มีการนำเจ้า S6 ตัวนี้ มาเปิดโซนแยก ให้ลองสัมผัส ลองเล่นกันดู ที่สำคัญ ไม่มีใครเข้าไปเล่นเลย เงียบมากๆ สบโอกาสงามๆ แบบนี้ ผมก็ไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปทำการทดสอบจริงกับ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ตัวนี้สักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร ที่ต้องรอให้มีคนว่างจริงๆ เพื่อจะเข้าไปเล่นนั้น เพราะว่าผมจะทำการ ทดสอบหลายๆ อย่าง คล้ายๆ กับการ Benchmark นั่นแหละครับ ทั้งในเรื่องของรูปทรง สเปคความแรงภายใน ระบบปฏิบัติการ การตอบสนองทางด้านกราฟฟิก และอื่นๆ อีกมากมาย จึงต้องใช้เวลานานมาก

6 ปัญหาใน Samsung Galaxy S6 และวิธีแก้ไข ชาร์จแบตไร้สาย

จากการลองสัมผัส ในเรื่องของรูปร่างตัวเครื่องก่อนเลย บางมากๆ เรียกได้ว่า บางโคตรๆ ก็ได้ บางจนผมกลัวจะทำหลุดมือเลยครับ น้ำหนักตัวเครื่อง ก็เบามากเช่นกัน กลัวทำหล่นจริงๆ แต่ที่ประทับจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของความลื่น ในการตอบสนองการทำงาน ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะแอพไหน ฟังก์ชั่นอะไร ตอบสนองได้รวดเร็วมากๆ ต้องขอบอกเลยว่า ซัมซุง ทำการบ้านมาดีจริงๆ เป็นการผสมผสาน ระหว่าง ระบบปฏิบัติการ แอนดรอย 5.0 ที่รองรับการทำงานแบบ 64 บิต เข้ากับ CPU ที่ทำงานได้ 64 บิต เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า ยกระดับความเร็วของการประมวลผลทุกอย่าง ขึ้นไปอีก 1 เท่าตัว เรียกว่า ทำงานได้เร็วกว่า ซัมซุง Galaxy S5 เป็น 2 เท่าเลยก็ว่าได้ ซึ่งโดยความรู้สึก จากการลองทดสอบใช้แอพต่างๆ แล้ว ก็ต้องบอกเลยว่า รู้สึกว่า เร็วกว่ามากจริงๆ ครับ

สเปคของ Samsung Galaxy S6

  • ขนาดตัวเครื่อง 70.5 x 143.4 x 6.8 mm. โคตรบาง
  • น้ำหนัก 138 กรัม เบามาก
  • ขุมพลัง มีซีพียู Exynos 7420 (64 บิต 14 นาโนเมตร) กับ Octa core ที่แบ่งเป็น 4 แกนความเร็ว 2.1 GHz กับอีก 4 แกน ความเร็ว 1.5 GHz
  • RAM แบบ LPDDR4 3GB
  • หน่วยความจำภายใน 32/64/128 GB เลือกได้ตามใจชอบ
  • หน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด Quad HD Super AMOLED 2560 x 1440 ความหนาแน่พิกเซล 577 ppi ละเอียดมากๆ
  • กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ตัวใหม่ล่าสุด เล็ก เร็ว ลื่น
  • รองรับการใช้งาน 4G LTE Cat6 แต่บ้านเราไม่ถึง Cat6 ก็ได้เท่าที่มีละกัน
  • แบตเตอรี่ ความจุ 2,550 mAh รองรับการชาร์จแบบไร้สาย และการชาร์จแบบรวดเร็ว (Fast Charging)

สเปคของ Samsung Galaxy S6 Edge นั้น ก็จะแตกต่างนิดเดียว ในเรื่องของขนาด และหน้าจอที่มีขอบข้างโคงมนลงไปนิดนึง และแบตเตอรี่ ที่จะมีความจุ มากกว่านิดเดียวคือ 2,600 mAh แค่นั้นเอง

ลองใช้งาน Samsung Galaxy S6 Edge

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Samsung Galaxy S6 และ S6 Edge ก็คือ ความละเอียดกล้องหลัง ที่มีความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซลพร้อม F1.9 ให้ภาพที่มีความละเอียด คมชัดทีเดียว ที่สำคัญ เรื่องของการชาร์จแบต แบบไร้สาย อันนี้น่าสนใจมากๆ ให้ความสะดวกสบาย และล้ำหน้ามากๆ ซึ่งผมเชื่อว่า หลังจากนี้ สมาร์ทโฟน รุ่นเรือธง หรือรุ่นท็อป ที่จะพากันทยอยเปิดตัวออกมา คงจะใช้วิธีการชาร์จแบต แบบไร้สายกันหมดแน่นอน ส่วนเรื่องของการชาร์ตแบต แบบเร่งด่วน หรือ Fast Charging นั้น ก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของ S6 ตัวนี้เลยทีเดียว ชาร์จ 10 นาที แล้วเล่นได้ต่ออีก 10 ชม. หรือถ้าแบตใกล้จะหมด ก็ใช้โหมด Ultra Power Saving ที่สร้างชื่อโด่งดังมาแล้ว ทั้งใน Galaxy S5 และ Galaxy Note 4 ก็ได้ ช่วยให้เล่นได้อีกถึง 24 ชม. เลยทีเดียว

ก็อย่างว่าแหละครับ ผมเป็นเพียงแอดมินของเวบมือถือ แท็บเล็ต และเกมออนไลน์ เล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้เป็น Big Brand เหมือนเวบอื่นๆ เลยไม่มีใครส่ง สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด มาให้ผมทดสอบ การรีวิวอะไรต่างๆ จากผม มันเลยมาช้าหน่อย แต่อย่างว่าครับ ช้าแต่ชัวร์นะครับ ไม่มีมั่วนิ่มแน่นอน ไม่ลอง ไม่ทดสอบจริง ไม่เอามาเขียนให้อ่านแน่นอนครับ ถ้าเทียบความรู้สึกระหว่าง S5 กับ S6 ตัวใหม่นี้ บอกได้เลยว่า S6 ตัวนี้ เร็วกว่ามากๆ ครับ อาจจะเป็นเพราะ OS Lollipop และสเปคภายในที่สูงกว่า ด้วยขุมพลังแบบ 64 บิต จึงทำให้การตอบสนองการทำงานโดยรวมของ Samsung Galaxy S6 และ S6 Edge นั้น รวดเร็วมากๆ ราคาก็ไม่เว่อร์นะครับ พอดีๆ ถือว่า น่าจัดมาไว้ในครอบครองมากๆ เลยทีเดียว น่าเสียดาย ที่ผมเป็นแฟน Note คงต้องรอ Samsung Galaxy Note 5 ปลายปีนี้ดีกว่า

เรื่องก่อนหน้านี้เกมใหม่ 2015 น่าเล่นแก้เบื่อทั้ง เกมแอนดรอย และ เกมไอโฟน
เรื่องถัดไปเตือนภัย ไวรัสคอมพิวเตอร์ CTB ตัวใหม่มาทางอีเมลล์