Sprint กับ Flicker ใน ROV แพทช์ปัจจุบัน ควรใช้สกิลชาเลนเจอร์แบบไหนดีกว่ากัน

ใครที่ได้ติดตามชมคลิปการเล่น ที่ผมได้เอาลงในเพจ ROV Thailand อย่างต่อเนื่อง ทุกๆ วัน ก็จะเห็นว่า สกิลชาเลนเจอร์ส่วนใหญ่ ที่ผมใช้กับฮีโร่หลายๆ ตัวในปัจจุบันนั้น ได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยผมได้หยิบเอา Sprint มาใช้แทน Flicker จนทำให้หลายคน เริ่มสงสัยว่า Sprint กับ Flicker อันไหนมันดีกว่ากัน และจะมีวิธีเลือกยังไง ว่า ฮีโร่ตัวไหน ควรใช้ Sprint และตัวไหน ควรใช้ Flicker มาครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ได้เข้าใจกัน ว่า มีหลักการในการเลือกใช้ แบบไหน อย่างไร?

Sprint กับ Flicker สกิลชาเลนเจอร์อันไหน น่าใช้กว่ากัน?

ก่อนอื่น เราจะมาพูดกันถึง ความน่าใช้กันก่อนนะครับ เราอย่าเพิ่งไปพูดว่า มันเหมาะกับฮีโร่ตัวไหน เพราะเดี๋ยวผมจะอธิบายกันต่อในหัวข้อถัดไป แต่ตอนนี้ เรามาพูดถึงความน่าใช้กันก่อนเลยดีกว่า

ถ้าให้เทียบกันแล้ว ระหว่าง Sprint กับ Flicker ในแพทช์ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่า ส่วนหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับ ฮีโร่ที่เราเล่นด้วยนะครับ ว่าเราจะหยิบตัวไหนมาเล่น แต่ถ้าเทียบกันแบบคร่าวๆ ก็ต้องบอกว่า Sprint น่าใช้งานมากกว่าครับ เพราะอะไร?

1. Sprint มีระยะเวลาการคูลดาวน์ ที่น้อยกว่า ถึง 20 วินาที กล่าวคือ Flicker จะมีระยะเวลาคูลดาวน์ นานถึง 120 วินาที ในขณะที่ Sprint มีระยะเวลาคูลดาวน์อยู่ที่ 100 วินาที

Valhein เปิด Sprint เพื่อไปไล่ฆ่าศัตรู
Valhein เปิด Sprint เพื่อไปไล่ฆ่าศัตรู

ถามว่า เวลาคูลดาวน์ต่างกัน 20 วินาที ( หรือสำหรับบางคน อาจจะมองว่า มันก็ “แค่” 20 วินาที ) นั้น มีความหมายต่อการเล่น มากน้อยแค่ไหน? ถ้ากดใช้แค่ครั้งเดียว ต่อการเล่นใน 1 แมทช์ มันก็แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยครับ แต่ถ้าเรากดใช้บ่อยๆ ตลอดเวลาล่ะ ซึ่งเกมนึง ถ้าทีมฝั่งตรงข้าม ไม่อ่อนจริงๆ จะใช้เวลาในการเล่นอย่างน้อยๆ 12 – 30 นาที นั่นแปลว่า จำนวนครั้งที่เราสามารถใช้ Sprint จะมีมากกว่า Flicker เยอะเลยนะครับ ซึ่ง 20 วินาที จะก่อให้เกิดความแตกต่างเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างง่ายๆ กดใช้ 3 ครั้ง ก็ต่างกัน 1 นาทีแล้ว ซึ่งการต่อสู้ในเกม ROV นั้น เวลาเป็นสิ่งสำคัญครับ ทุกอย่างในเกม ROV ถูกควบคุมด้วยเวลาทั้งสิ้น ดังนั้น ยิ่งเรากดใช้สกิลได้เร็วมากกว่าศัตรูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้นครับ

2. Sprint หลังปรับแพทช์มาใหม่ มีคุณสมบัติพิเศษ ที่ดีมากๆ นั่นคือ

sprint
Sprint

ลบสถานะลดความเร็ว และได้รับความเร็วเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 70% (จะลดลงเรื่อยๆ ถึง 30%) เป็นเวลา 10 วินาที

ไอ้ส่วนที่สำคัญ มันอยู่ตรงนี้แหละครับ คือ “ลบสถานะลดความเร็ว” เพราะการต่อสู้ในเกม ROV ส่วนใหญ่แล้ว สตั้น เรามักจะป้องกันไม่ได้ และมักจะไม่เกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่นัก เพราะฮีโร่ที่ทำให้ติดสตั้นนั้นมีไม่ค่อยเยอะ แต่สำหรับสถานะสโลว์ หรือ ลดความเร็ว เราจะเจอบ่อยมากๆ แม้ว่าฮีโร่ตัวนั้นๆ จะไม่ได้มีสกิล ที่มีสถานะ CC สโลว์ศัตรูได้ก็ตาม แต่สถานะสโลว์ สามารถเกิดจากไอเท็ม ที่ศัตรูสวมใส่ได้ เช่น Frost Cape, Hyoga’s Edge, Frosty’s Revenge หรือ Might Buff (บัพแดง)

Valhein กดใช้ Sprint เพื่อหนีจากสถานะสโลว์ทั้งหลาย
Valhein กดใช้ Sprint เพื่อหนีจากสถานะสโลว์ทั้งหลาย

ซึ่งปัญหาของสกิลชาเลนเจอร์ ในแพทช์ก่อนๆ ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีเลยก็คือ มันเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ หรือทำให้วิ่งเร็วอย่างเดียว แต่ถ้าเราโดนสถานะ CC มันก็ไม่มีความหมายอะไรครับ มันก็วิ่งช้าอยู่ดี แม้ว่าเราจะกดใช้สกิลแล้วก็ตาม แต่หลังจากมีการปรับแพทช์ใหม่ เพิ่มความสามารถตรงนี้ ให้กับ Sprint ก็เลยทำให้มัน กลายเป็นไอเท็มชั้นเลิศ สำหรับการเอาตัวรอด และเอาไว้แก้ทางศัตรูในบางจังหวะได้อย่างง่ายดาย ทำให้เมื่อกดใช้ ฮีโร่ของเรา สามารถเอาตัวรอดจากจังหวะที่โดนศัตรูเล่นงานด้วยสกิล CC แบบสโลว์ได้

ยกตัวอย่างเช่น เราโดน Quillen พุ่งเข้ามาด้วยสกิล 2 ซึ่งมันจะทำให้เราติดสถานะสโลว์ หากเรากดใช้ Sprint ทันที เราจะวิ่งหนีออกมาได้อย่างเร็วมากๆ และหลุดจากสถานะสโลว์ทันที รวมทั้ง Quillen ยังไม่สามารถไล่ตามเราได้ทันอีกด้วย

Valhein กด Sprint หนี Quillen สบายๆ ไล่ตามไม่ทันแน่นอน
Valhein กด Sprint หนี Quillen สบายๆ ไล่ตามไม่ทันแน่นอน

เมื่อเทียบกับ Flicker แล้ว มีผลมากครับ อย่าง Flicker ถ้าเราไม่ได้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เช่น สามารถกดข้ามกำแพง เพื่อหนีศัตรูได้ อะไรแบบนี้ แต่กลับยืนอยู่ในเลน แล้วกด Flicker หนี บอกเลยว่า หนีไม่พ้นครับ และที่สำคัญ แม้จะกด Flicker หนีมาได้ แต่สถานะ CC แบบสโลว์ ก็ยังอยู่ ศัตรูก็ไล่ตามมาฆ่าได้อยู่ดี ดังนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว Sprint จะดูน่าใช้มากกว่าครับ

3. ระยะเวลาที่สกิลทำงาน แตกต่างกัน สำหรับ Sprint ฮีโร่จะวิ่งเร็วขึ้นเป็นเวลา 10 วินาที (สกิลทำงานนาน 10 วินาที) ในขณะที่ Flicker กดปุ๊บใช้ปั๊บ เป็นอันจบ ซึ่งเมื่อระยะเวลาที่สกิลทำงานแตกต่างกัน การเอามาประยุกต์เพื่อใช้ในการต่อสู้ มันจึงหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่หนีอย่างเดียว หรือ ไล่ฆ่าอย่างเดียว แต่เอามาใช้เพื่อหนีในตอนแรก และกลับไปฆ่าได้ทันที ประมาณว่า กด Sprint เพื่อหนี หรือล้างสถานะ จากนั้น ก็ใช้ประโยชน์จากความเร็วเคลื่อนที่ ที่ยังทำงานในเวลา 10 วินาทีอยู่นี้ เข้าจู่โจมตี และล้วง สวนกลับ หรือ ไล่ฆ่าศัตรูไปเลยครับ

Sprint กับ Flicker เหมาะกับฮีโร่แบบไหน อย่างไร?

ทีนี้ ถามว่า ฮีโร่ตัวไหนบ้างล่ะ ที่ควรใช้สกิลชาเลนเจอร์ มาครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้

ยกตัวอย่างง่ายๆ แครี่ทุกตัวนี่แหละครับ ที่ควรใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Joker, Slimz, Valhein, Tel’Annas, Moren, Wisp, Lindis, Yorn

และไม่เพียงแต่แครี่เท่าไหร่ ทั้งเมจ และแท็งค์ หรือไฟต์เตอร์ ก็ควรใช้ครับ เพราะเอาไว้ช่วยเติมทีมไฟต์ หรือ เอาไว้หนีจากสถานการณ์คับขันได้

Marja ROV เปิด Sprint ไล่ฆ่าศัตรูสบายๆ
Marja ROV เปิด Sprint ไล่ฆ่าศัตรูสบายๆ

แต่สำหรับฮีโร่ที่ไม่ควรใช้ ก็จะเป็นฮีโร่ที่ ยังจำเป็นต้องใช้ Flicker อยู่ เพื่อความได้เปรียบในการเล่น เช่น Omen, Raz และ Arum

เพราะ Omen ไม่เหมาะกับการใช้ Sprint ครับ เนื่องจาก จังหวะการใช้ Flicker ของ Omen นั้น มักจะไม่ได้ใช้เพื่อการหนี แต่ใช้เพื่อการล้วง หรือ เข้าไปกดใช้อัลติ ล่ามโซ่ศัตรู ซึ่งการใช้ Flicker จะมีประสิทธิภาพมากๆ ทำให้สามารถหายตัวเข้าไปจับล็อคตัวฟาร์มป่า หรือแนวหลังของศัตรูได้ทันที แบบที่ศัตรูไม่ทันตั้งตัว

เช่นเดียวกับ Raz ที่มักจะใช้ Flicker เพื่อหายตัวไปอยู่แนวหลัง แล้วล้วงพวก เมจ กับแครี่ตัวบางๆ ให้ตายทันที ด้วยดาเมจที่รุนแรง จากการคอมโบสกิลครบชุด ซึ่งถ้าหยิบ Sprint มาใช้กับ Raz จะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ และมันก็ไม่เหมาะด้วยครับ

หรือ Arum จุดเด่นของมันคือ อัลติ ที่จับล็อคศัตรู โดยเฉพาะการจับล็อคในป้อมของศัตรูเอง ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องวิ่งเข้าไปจับล็อค ซึ่งศัตรูมักจะรู้ทันและวิ่งหนีออกไปก่อนทำให้ Arum โดนป้อมยิงฟรีโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าเราเอา Flicker ไป เพื่อเอาไปใช้หายตัวเข้าไปจับล็อคศัตรูแบบประชิดตัวทันที แบบที่ศัตรูไม่ทันตั้งตัว แบบนี้จะมีประโยชน์มากกว่า อย่าหยิบ Sprint มาให้ Arum เชียวนะครับ มันไม่ใช่และไม่ได้ส่งเสริมจุดเด่นอะไรให้กับ Arum เลย

จังหวะในการเปิดอัลติของ Jinna ต้องดี ถึงจะฆ่าศัตรูได้ง่ายๆ
จังหวะในการเปิดอัลติของ Jinna ต้องดี ถึงจะฆ่าศัตรูได้ง่ายๆ ซึ่งการใช้ Sprint มาช่วย จะดีที่สุด ทำให้เข้าถึงตัวศัตรูได้เร็วมาก จนมันไม่ทันตั้งตัว และหนีไม่ทัน

จริงอยู่ว่า เมื่อเทียบกันแล้ว ระหว่าง Sprint กับ Flicker นั้น Sprint มีความน่าใช้มากกว่า แต่ไม่ใช่ว่า เราจะต้องหยิบ Sprint มาใช้กับฮีโร่ทุกตัว ทุกตำแหน่งที่เล่น แบบนั้นมันก็ไม่ใช่นะครับ มันต้องเลือกด้วยครับ ว่าตัวไหนถึงจะเหมาะสำหรับสกิลชาเลนเจอร์อย่าง Sprint เช่น ถ้าเล่นโรม ก็ต้องหยิบ Heal มาเพิ่ม ไม่ใช่เล่นแท็งค์โรมมิ่ง แต่ดันหยิบ Sprint มา แบบนี้มันก็ไม่ใช่นะครับ หรือ เล่น Zuka ออฟเลน แต่ดันหยิบ Sprint มา แบบนี้ก็ไม่ใช่อีก หรือ เล่น Arum แต่หยิบ Sprint มา มันก็ไม่ใช่ คือ มันไม่เหมาะสมกับหน้าที่ และไม่ได้เสริมความได้เปรียบให้กับฮีโร่ที่ผมได้ยกตัวอย่างมาเลยครับ

ดังนั้น ควรจะดูด้วยว่า สกิลชาเลนเจอร์ที่เราจะหยิบมานั้น เราควรหยิบมาเพื่ออะไร ถ้าเล่นแครี่ แน่นอนว่า สกิลชาเลนเจอร์ มักจะถูกหยิบมาเพื่อเอาไว้เสริมการเอาตัวรอด ช่วยให้แครี่ มีสกิลสำหรับหนีในจังหวะอันตราย หรือคับขัน แต่ถ้าเป็น แอสซาซิน หรือ ไฟต์เตอร์ สกิลชาเลนเจอร์ มักจะเอาไว้เพื่อช่วยฆ่า ส่วนตัวโรม ก็ควรใช้สกิลชาเลนเจอร์ เพื่อช่วยซัพพอร์ตให้กับทีม เมื่อเราเข้าใจแบบนี้แล้ว การเลือกใช้ Sprint กับฮีโร่ต่างๆ ก็จะเข้าใจได้ง่าย และเลือกได้อย่างเหมาะสมมากขึ้นครับ

อย่าลืมเข้าไปพูดคุย คอมเม้นท์ และแสดงความเห็นกันได้ ที่เฟสบุ๊คเพจ ROV Thailand กันได้นะครับ ในเพจ ROV Thailand จะมีบทความดีๆ สาระน่ารู้ และเคล็ดลับการเล่นเกม ROV พร้อมทั้งคลิปแนวทางการเล่น และจังหวะการเล่นของฮีโร่แต่ละตัว เอามาลงให้ศึกษากันด้วย แล้วพบกันที่เพจ ROV Thailand นะครับ

เรื่องก่อนหน้านี้Sephera ROV สายเวทเลนกลาง ไอเท็มและรูน ที่จะทำให้ดาเมจเวทแรง
เรื่องถัดไปROV ไต้หวัน ปรับแพทช์ใหม่ 27 ธ.ค. 61 ปรับสมดุลฮีโร่ 6 ตัว เก่งขึ้น 3 อ่อนลง 3